Mojiko
Mojiko
จะเล่าอะไรดีเรื่อง Mojiko
ไปยังไง : ไม่รู้ เพื่อนพาไป
อยู่แถวไหนของเกาะคิวชู : Kitakyushu มั้ง
เกาะคิวชูอยู่ที่ไหนบนโลก : ทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น
แต่ Kitakyushu อยู่ทางเหนือของเกาะคิวชูนะ
ที่จำได้คือนั่งรถไฟไปนานแสนนาน นานจนฉันจำอะไรไม่ได้
นานจนไม่รู้ว่าต้นส้มหรือผลไม้สีส้มที่เจอระหว่างทางนี่อยู่เมืองไหน
เอาเป็นว่าเชิญหาข้อมูลที่มีประโยชน์ มีสาระจากบล็อกหรือกระทู้อื่นๆ
ส่วนเราจะอัพบล็อกเพื่ออวดว่า
"ข้ามาถึงแล้วโว้ยยยยยย อยู่ญี่ปุ่นนะ รู้ยัง"
เมื่อรถไฟเทียบชานชาลา
ความรู้สึกแรก
โหยยยยยย ชีวิตแค่โดนทำร้าย!!!
.
.
ฝนตกหยิมๆ
สมาชิกทัวร์ยาจกทั้งสี่ ถ่ายรูปกันตามอัธยาศัย แม้ชานชาลาจะดูธรรมดา
แต่เฮ้ย มันมีความคลาสสิคว่ะ ขนาดตัวอาคารปรับปรุงอยู่ยังสวยเลย
น่าเสียดายที่เราไม่ได้ยลโฉมสถานีโมจิโกะ
แม้ตัวอาคารสถานีจะปรับปรุง แต่ระหว่างทางเดินน่ารักมากๆ
เป็นรูปของพนักงาน หรือเจ้าหน้าที่ในอิริยาบทที่เราไม่ค่อยได้เห็น
พวกเราไปถึงที่นั่นกันเช้ามาก เช้าชนิดที่ร้านรวงยังไม่เปิด
คนแทบไม่มี แต่เป็นเมืองแรกที่เจอชาวเมืองจูงสุนัขมาเดินเล่น
และผู้คนอัธยาศัยดีมากๆๆๆๆ
มีรถลากด้วยนะ(เรียกอะไรหว่า)
เดินๆ อยู่ พี่ชายทั้งหลายจะถามเราด้วยภาษาญี่ปุ่น
พอเห็นเราทำหน้ามึน พี่เขาจะพูดภาษาอังกฤษทันที
May I help you?
เราได้แต่โบกมือ ส่ายหัว โน่วๆๆ
เดินริมทะเล ริมอ่าวไปเรื่อยๆ ระหว่างทางมีรถจอด
มีสุนัข แมว และเจ้าขนปุยอยู่ในกรง
พวกเราเดินไปเรื่อย เหมือนฝนจะหยุดแล้วนะ
เพราะมัวแต่ถ่ายรูปในสถานี จนฝนหยุดตก
อากาศเย็นๆ แบบนี้ทำให้โมจิโกะเป็นเมืองที่โรแมนติกมาก
ความเงียบ ความสงบ ดูเหงา แต่ไม่วังเวง
ทำให้เราชอบเมืองนี้ที่สุด
เดินเล่นไปเรื่อยๆ เหมือนวันนี้มีจัดงานประกวด
หรือแข่งขันข้าวแกงกะหรี่นี่แหละ สนามแห่งนี้มีแต่ร้านข้าวแกงกะหรี่
แต่ยังไม่เปิดนะจ๊ะ ก็มันยังเช้ามากๆ
ทัวร์ยาจกเดินเล่นชมเมืองไปเรื่อยๆ ทักทายสุนัขที่เจ้าของพามาเดินเล่น
เดินเข้าตึกนั้น ออกตึกนี้ ที่ไหนฟรีเราจะเข้าไป
แล้วดันไปเจอแรลลี่สะสมตราประทับแลกของที่ระลึกจ้า
ก็เดินหากันซิงานนี้ ดูแผนที่ประหนึ่งหลงทาง แต่เปล่าเลยเทียบตัวอักษรกันอยู่
บางจุดไกลมาก และบางจุดต้องเสียเงินเข้าชมพิพิธภัณฑ์ เพราะตรายางอยู่ข้างใน
ท่ามกลางตึกทันสมัยสไตล์ตะวันตก ก็ยังมีกลิ่นไอของญี่ปุ่นซ่อนอยู่
เงียบโคตรเงียบ หรือถ้ามาคนเดียวอาจจะเหงาก็ได้มั้ง
อยากอยู่ตรงนี้นานๆ อยากนั้งเรื่อยๆ ทั้งวัน
แต่เราต้องไปปราสาทโคคุระกันต่อ อืมมมม
น่าจะใช่ เราจำอะไรไม่ค่อยได้
จำได้แค่กินข้าวแกงกะหรี่ ร้าน Coco
ที่มีสาขามากมายในประเทศไทย
และเราก็รู้กันใช่มั้ยว่าที่ญี่ปุ่นน่ะ ทุกอย่างมันเยอะมาก
อาหารชุดก็เยอะ ทั้งข้าว ซุป อูด้ง จะกินยังไงหมด
โชคดีที่เค้ามีขนาดเล็ก แต่ก็ยังจุกนะ ขอบอก
หลังจากกินอิ่มเราก็เดินเท้าต่อไปไกลพอสมควร เจอห้างสรรพสินค้า
แน่นอนว่ามีกาชาปองอีกแล้ว แถวนี้เจอหนุ่มสาวสูบบุหรี่กันเยอะทีเดียว
แต่เขาสูบในที่ที่จัดไว้นะ ไม่ใช่เดินไปสูบไปเรื่อยๆ
ปราสาทโคคุระ
เราไม่ได้เข้าไปปราสาทหรอก แต่เดินแถวศาลเจ้าใกล้ๆ แทน
และนี่สถานีโคคุระ ใหญ่โต สวยงามมั้ยล่ะเธอ
ก็มีเท่านี้แหละ ฮ่าๆๆๆๆๆ
ความขี้เกียจเล่า ถ้ามันเล่าได้ก็ต้องเล่าให้จบ
แต่นี่พิมพ์ค้างเอาไว้ เวลาว่างก็มาพิมพ์ต่อไง
เรื่องมันก็ไม่ค่อยประติดประต่อ
ความขี้เกียจมันครอบงำ
.จบ.
น่าเสียดายที่เราไม่ได้ยลโฉมสถานีโมจิโกะ
เป็นรูปของพนักงาน หรือเจ้าหน้าที่ในอิริยาบทที่เราไม่ค่อยได้เห็น
พวกเราไปถึงที่นั่นกันเช้ามาก เช้าชนิดที่ร้านรวงยังไม่เปิด
คนแทบไม่มี แต่เป็นเมืองแรกที่เจอชาวเมืองจูงสุนัขมาเดินเล่น
และผู้คนอัธยาศัยดีมากๆๆๆๆ
มีรถลากด้วยนะ(เรียกอะไรหว่า)
เดินๆ อยู่ พี่ชายทั้งหลายจะถามเราด้วยภาษาญี่ปุ่น
พอเห็นเราทำหน้ามึน พี่เขาจะพูดภาษาอังกฤษทันที
May I help you?
เดินริมทะเล ริมอ่าวไปเรื่อยๆ ระหว่างทางมีรถจอด
มีสุนัข แมว และเจ้าขนปุยอยู่ในกรง
พวกเราเดินไปเรื่อย เหมือนฝนจะหยุดแล้วนะ
เพราะมัวแต่ถ่ายรูปในสถานี จนฝนหยุดตก
อากาศเย็นๆ แบบนี้ทำให้โมจิโกะเป็นเมืองที่โรแมนติกมาก
เห็นอาคารสวยๆ หลังอาคารสีอิฐนั่นมั้ย
เดิมเป็นห้องสมุด แต่ตอนนี้กลายเป็นร้านอาหารจีนไปแล้ว
ความเงียบ ความสงบ ดูเหงา แต่ไม่วังเวง
ทำให้เราชอบเมืองนี้ที่สุด
เดินเล่นไปเรื่อยๆ เหมือนวันนี้มีจัดงานประกวด
หรือแข่งขันข้าวแกงกะหรี่นี่แหละ สนามแห่งนี้มีแต่ร้านข้าวแกงกะหรี่
แต่ยังไม่เปิดนะจ๊ะ ก็มันยังเช้ามากๆ
เดินเข้าตึกนั้น ออกตึกนี้ ที่ไหนฟรีเราจะเข้าไป
แล้วดันไปเจอแรลลี่สะสมตราประทับแลกของที่ระลึกจ้า
ก็เดินหากันซิงานนี้ ดูแผนที่ประหนึ่งหลงทาง แต่เปล่าเลยเทียบตัวอักษรกันอยู่
บางจุดไกลมาก และบางจุดต้องเสียเงินเข้าชมพิพิธภัณฑ์ เพราะตรายางอยู่ข้างใน
ท่ามกลางตึกทันสมัยสไตล์ตะวันตก ก็ยังมีกลิ่นไอของญี่ปุ่นซ่อนอยู่
เงียบโคตรเงียบ หรือถ้ามาคนเดียวอาจจะเหงาก็ได้มั้ง
อาคารนี้ทำให้มโนว่าเดินอยู่ลอนดอน โถวววววว
เดินนานๆ อ๊คแคทก็ต้องนั่งพักเหนื่อย
พวกเราเดินหาตราประทับจนวนกลับมาบริเวณท่าเรืออีกครั้ง
ล้มเลิกการตามล่าหาตราประทับ และกลับไปที่สะพานแห่งนี้
สะพานยกขึ้นเพื่อให้เรือลำหนึ่งแล่นพ่านไป เนิ่นนานกว่าสะพานจะลดระดับ
ให้เราสามารถเดินข้ามไปได้ ระหว่างรอก็นั่งให้ลมตีหน้าเล่น
เย็นสบายชื่นใจ จนอยากตะโกนว่ารักเมืองนี้จังเลย
กลับไปที่งานข้าวแกงกะหรี่อีกครั้ง มาญี่ปุ่นแล้วก็ต้องกินใช่ปะ แต่...
คนเยอะมาก ราคาแพง เหมือนให้ชิม เราสู้ไม่ไหว
สมาชิกทัวร์พากันเดินไปเรื่อยๆ มีแผงลอยตั้งขายอาหาร
ขายขนมน่าสนใจมาก
และนั่น ทาโกะยากิ!!!!!!
ตั้งแต่มาถึงแจแปนแดนปลาดิบยังไม่ได้กินเลยนะ
ทาโกะยากิเนี่ย ซูชิก็ไม่ได้กินเหอะ ฮ่าๆๆๆ
เจอหมึกชิ้นโตๆ แบบนี้ก็จัดซิ
ซื้อมาก่อน 1 กล่อง แบ่งกันกิน
พอใกล้หมด เฮ้ยยย มันอร่อยว่ะ
ไล่หัวหน้าทัวร์ไปซื้อมาอีกกล่อง
มันดีงามมากนะแก ถ้าไปญี่ปุ่นก็อย่าพลาดนะ
อาการหนาวๆ ทาโกะยากิร้อนๆ
โอ้ยยยยย ลวกปาก
ฟิน!!!!!
แต่เราต้องไปปราสาทโคคุระกันต่อ อืมมมม
น่าจะใช่ เราจำอะไรไม่ค่อยได้
จำได้แค่กินข้าวแกงกะหรี่ ร้าน Coco
ที่มีสาขามากมายในประเทศไทย
และเราก็รู้กันใช่มั้ยว่าที่ญี่ปุ่นน่ะ ทุกอย่างมันเยอะมาก
อาหารชุดก็เยอะ ทั้งข้าว ซุป อูด้ง จะกินยังไงหมด
โชคดีที่เค้ามีขนาดเล็ก แต่ก็ยังจุกนะ ขอบอก
หลังจากกินอิ่มเราก็เดินเท้าต่อไปไกลพอสมควร เจอห้างสรรพสินค้า
แน่นอนว่ามีกาชาปองอีกแล้ว แถวนี้เจอหนุ่มสาวสูบบุหรี่กันเยอะทีเดียว
แต่เขาสูบในที่ที่จัดไว้นะ ไม่ใช่เดินไปสูบไปเรื่อยๆ
ปราสาทโคคุระ
เราไม่ได้เข้าไปปราสาทหรอก แต่เดินแถวศาลเจ้าใกล้ๆ แทน
และนี่สถานีโคคุระ ใหญ่โต สวยงามมั้ยล่ะเธอ
ความขี้เกียจเล่า ถ้ามันเล่าได้ก็ต้องเล่าให้จบ
แต่นี่พิมพ์ค้างเอาไว้ เวลาว่างก็มาพิมพ์ต่อไง
เรื่องมันก็ไม่ค่อยประติดประต่อ
ความขี้เกียจมันครอบงำ
.จบ.
Comments
Post a Comment