Skip to main content

สิงคโปร์ ม้วนเดียวจบ


           ป่วยแต่ก็ยังจะไปเที่ยว แล้วเป็นไงล่ะ ท้องเสียตั้งแต่วันแรกเข้าห้องน้ำบนเครื่องตลอดทาง

           ขากลับคงเป็นเพราะข้าวปั้นมั้ง ท้องไส้ปั่นป่วนอีกแล้ว
กาวิสคอนก็หมด แต่ไปเจอที่เซเว่น แพงแต่จำเป็นต้องซื้อกิน
ที่ไทยมีขายมั้ยแบบซอง 10ml สะดวกดี ไม่ต้องพกถ้วยยา 55555

           แต่คราวนี้เราไปแบบมีพร๊อพแล้วเว้ยยย พร๊อพพร้อม
คนไม่พร้อมอย่างแรง


            เอาหละมาเริ่มสิงคโปร์ ม้วนเดียวจบกัน เป็นทริปที่เขา

ให้ไปเที่ยว แต่เราขอไปดูงานที่ NUS Medical library และ Bishan Public Library
ฉะนั้นจะไม่เจาะลึกเรื่องใดทั้งสิ้น
จะเล่าไปเรื่อยๆ อยากจบก็หยุด

จับอ๊คแคทมานั่งข้างหน้าต่างรถ
 เป็นการทัวร์ต่างประเทศครั้งแรกของนางนะ 
Okcat on tour!!!


           วันแรก คณะเราเริ่มต้นด้วยการกิน กินอะไรหว่าจำไม่ได้
แล้วก็ไปนั่ง duck tour ลงน้ำขึ้นบกวนเวียนอยู่แถวมาริน่าเบย์
และทัวร์ก็พาไปปล่อยตรงเมอร์ไลอ่อน ตกดึกก็ดูแสงสีที่มาริน่าเบย์ ม่านน้ำใช่มั้ย แสดงน้ำพุ
เราเฉยๆ มาก ตอนแรกคนข้างๆ ชาติไหนไม่รู้เขาก็นั่งอยู่ พอการแสดงเริ่มนางลุกขึ้นยืนเลยจ้า
แล้วคนข้างหลังเขาจะเห็นมั้ยล่ะเธอ
ระหว่างรอรถเป็ด หันไปเห็นรถคันนี้ สวยอ่ะ อยากนั่ง
รถสองชั้นก็อดนั่ง
เสียดายจนต้องหาเงินกลับไปแก้ตัว


           อากาศที่สิงคโปร์ร้อนมากๆ แต่ไม่ร้อนไหม้ๆ แบบกรุงเทพฯนะ ฝนตกมานิดเดียวไม่ช่วยให้เย็นขึ้นเลย ฉะนั้นทริปนี้เราจึงพึ่งแท็กซี่ในวันฟรีเดย์ เที่ยวตามยถากรรม

           พูดเลยว่าเตรียมข้อมูลไปน้อยมาก แต่รู้ว่ามีรถไฟฟ้า ใต้ดินอะไรสายไหนไปถึงที่ที่เราต้องการไป และขอบคุณแอพ Grab Taxi ในไทยไม่เคยใช้เรียกโนะ นั่งเครื่องบินไปใช้ไกลถึงสิงคโปร์ คนขับมารยาทดีมากแกเอ้ย มีคนนึงพูดสวัสดีครับก่อนเราจะลงด้วย คือจ้อตลอดทางไงเขาเลยรู้ว่าคนไทย

อ๊คแคทไปถึงสิงคโปร์แล้วนะ ทริปต่อไป.......ไหนเงิน


สวัสดีเมอร์ไลอ่อน เค้าชื่ออ๊คแคทนะ (ปัญญาอ่อนละตรู)



           คณะทัวร์ของเราพักย่านออชาร์ด ย่านที่มีแต่ห้าง และข้าวของราคาแพง โรงแรมที่เราพักทางเข้าน่ากลัวยิ่งกว่าอะไร นั่นคือ Concorde Hotel แต่ขอโทษเหอะ มันมีเรื่องประทับใจ จนต้องบรรยาย

อาหารเช้าของโรมแรม
ข้าวต้มร้อนๆ กินกับกานาฉ่ายและเต้าหู้ยี้อร่อยสุดๆ

           เช้าวันฟรีเดย์ ทัวร์ปล่อยให้เราไปเที่ยวได้ตามใจ ข้าขอนอนตื่นสายเพื่อออกไปห้องสมุดตอนบ่าย ทีนี้ก่อนออกมาหยิบของหยิบอะไรเสร็จ แต่ลืมอ๊คแคทค่า และจำไม่ได้ด้วยว่าวางไว้ไหน
ถ้าเกิดกลับมาห้องแล้วหายไปทำไงฟระ แมวน่ากลัวตัวละหลายบาทนี้ ฮรือๆๆๆ

           แต่เมื่อกลับมาถึงห้องพัก เราพบว่า แต่นแตนแต้นนนนนนนน


อ๊คแคทนอนอยู่บนเตียงที่จัดอย่างสวยงาม งือๆๆๆๆ 


ก็เลยพยายามอ่านชื่อแม่บ้านที่มาเก็บกวาดห้องเรา แต่อ่านไม่ออกจนต้องลงไปถามประชาสัมพันธ์
ว่าเธอชื่ออะไร ถ้าจำไม่ผิดน่าจะ ฟู่หยิน แล้วก็เขียนโน้ตถึงเธอ
แต่ไม่ใช่แบบข้างล่างนี้นะ
ข้าร่ายยาวมากกับภาษาง่อยๆ พร้อมขนมเล็กๆ น้อยๆจากเซเว่น
To FuYin : many thanks for cleaning room
and a little thing that you done it was surprise me, one of my impressions when i stayed in Singapore. so cute na ka
 (OMG my english is not very good TT TT)

เลยคิดได้ว่าต่อไปออกทริปที่ไหนจะพกอะไรไทยๆ ไปด้วยแล้ว
ถ้าประทับใจก็จะให้เขาเป็นที่ระลึก
แต่ช่วงนี้ก็คอยระวังหน้าระวังหลังเวลาไปทริป เพราะ.......นั่นแหละ

มาพูดถึงเรื่องซิมกันบ้าง เราไปตามหา Singtel ที่เซเว่น 2-3 แห่งในสิงคโปร์
ทุกแห่งตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า  no more
โนๆๆๆๆ มอร์ๆๆๆๆๆๆ อะไรแก คือไม่มีที่ไหนขายเลย
สุดท้ายแก้ปัญหาด้วยการเปิดโรมมิ่งค่ะ
พอบิลมาก็ช็อคเลยเน้ เพราะค่าโทรนาทีละ 60 บาทนะคะ
 แทบกระอัก แต่นี่ต้องโทรหาที่บ้านไง
เพราะไลน์เกิดหายกันหมด โทรไลน์ไปไม่มีใครรับซักคน
สุดท้ายมาเจอว่าชั้นสองของโรงแรมมันเป็นเหมือนศูนย์การค้า
มีร้านขายซิมอยู่ด้วย อะจ้า ถือว่าโชว์โง่


คืนวันฟรีเดย์ เราพาอ๊คแคทไปจิบไมโลอุ่นๆ 
ฟังเพลงสบายๆ ชิลๆ ในร้านเหล้า!!!!!!
ค่ะ คุณอ่านไม่ผิดค่ะ ไปกินไมโลในร้านเหล้า
ยังไม่ทันสามทุ่มดี ข้าเมาไมโลก่อนคนอื่นละ 5555

โชว์มึนครั้งที่ 2 อย่าเรียกว่าโง่เลย เพราะคนไม่รู้ไม่ได้โง่ และก็ไม่ผิด เค้าเรียกว่าผิดเป็นครู แต่ถ้าผิดบ่อยๆ เป็นควาย (กลุ่มเพื่อนๆ คุยเล่นตอนสมัยฝึกงาน เรายังจำได้จนวันนี้)

เรื่องมันมีอยู่ว่า ข้างโรงแรมจะมีร้านอาหาร เช่น ก๋วยเตี๋ยว บะหมี่เป็ด อาหารทะเล อะไรพวกนี้
แล้วเราอยากกินก๋วยเตี๋ยวมากเพราะอ่านรีวิวในพันทิปมา ข้าต้องกินให้ได้ ปรากฎว่าเวลาที่ร้านเปิดปิดตลกแท้ คือหน้าร้านก็เปิดนะ
คนขายก็อยู่ แต่เขายังไม่รับออเดอร์เพราะมีกำหนดเวลาเปิดขาย
งงป่ะ
เออ ข้าก็งงจนถึงทุกวันนี้
เลยต้องหาอะไรกินรองท้องก่อน เพราะมันเลยห้าโมงแล้ว หิวๆๆๆๆๆ เดี๋ยวโดนหมอดุ

ก่อนเที่ยงเราเดินสำรวจรอบๆ โรงแรมพบว่าก่อนถึง OG plaza
เหรอ ใช่มั้ง จะมีเซเว่น เราก็เข้าไปซื้ออะไรกิน ซึ่งที่ไทยไม่เห็นมีขายแล้วนะอันนี้



ความมึนของข้าก็คือตอนไปคิดเงินบอกให้เจ๊แคชเชียร์อุ่นให้ด้วย จากนั้นก็ก้มหน้านับเหรียญ 
เจ๊ก็คิดเงินใส่ถุงให้เรียบร้อย เราก็จ่ายเงินเดินออกมาก หยิบอาหารที่เพิ่งซื้อมา ป้าดดดดดด


อ้าว!!! เจ๊ทำไมไม่อุ่นให้ข้าคะ

เดินกลับเข้าไปหาเจ๊ ช่วยอุ่นให้ทีนะตัวเอง เค้าหิว
เจ๊ก็ผายมือไปทางด้านขวาของข้า
.
.
.
ไปที่ไมโครเวฟเลยค่ะ เชิญอุ่นเองเลย นี่แกสนใจอะไรบ้างมั้ย
คิดว่าที่นี่ประเทศไทยเหรอ (อันนี้เจ๊ไม่ได้พูด เจ๊แค่ผายมือ
ข้าก็เข้าใจและมโนต่อเอง)

สิงคโปร์สำหรับเรา นอกจากประทับใจฟู่หยิน  บักกุตเต๋ ก็มี Gardens by the bay นี่แหละ เย็นจนน้ำมูกไหล ดอกไม้สวยจริงๆ เสียดายเรามีเวลาเดินเที่ยวน้อยไปหน่อย เพราะเป็นวันสุดท้าย
ที่เราจะอยู่สิงคโปร์ และเย็นวันนั้นเราต้องขึ้นเครื่องละ




ถ่ายรูปดอกไม้มาเยอะ แบบว่าเห่อกล้องใหม่ G16
คราวนี้ไม่ได้เอานิคอนไปละ  
หนักเกินไป สงสารสังขารเบาๆ







ปิดท้ายด้วยวิวยามค่ำที่มาริน่าเบย์ กับอ๊คแคท
ระหว่างรอชมระบำน้ำพุ 
และกลับโรงแรมนอนด้วยความเซ็งเพราะหาซื้อซิมไม่ได้


.....พบกันใหม่ตอนหน้าเร็วๆ นี้กับน้ำพุร้อนเป่ยโถว
และราเมงแสนอร่อย.....









Comments

Popular posts from this blog

เดคูพาจ (Decoupage)

    ช่วงนี้กำลังเห่องานเดคูพาจ (บ้างก็เขียนว่าเดโคพาจ เดคโคพาจ นะ) เราเห็นคนอื่นทำ แล้วอยากลองทำบ้าง ไม่ได้ทำขายอะไรนะ ส่วนใหญ่ทำใช้เอง ทำให้เพื่อนบ้างบางโอกาส สนุกดี     ตอนที่สนใจเดคูพาจใหม่ๆ เราสั่งของผ่านทางเว็บไซต์ตลอดเลย โดยเฉพาะ Facebook มีให้เลือกหลายร้านมากๆ เพราะเราไม่สะดวกไปจตุจักร เนื่องจากไกลบ้าน และไม่คุ้มค่ารถ      วันหนึ่งมีโอกาสไปเดินสำเพ็ง-พาหุรัด ก็เจอร้านๆ นึง เราเคยซื้อของร้านนี้ตั้งแต่ขายเทียนเจล สีเพ้นท์แก้ว/กระจก ขวดโหล จนมาถึงวันนี้ที่ร้านนี้มีขายทั้งน้ำยา กาว กระดาษ ตะกร้า กระเป๋าสาน ล่าสุดที่ไปมีกระเป๋าสตางค์แบบยาว  และอื่นๆ อีกมากมาย น่ารักน่าสนใจล่อเงินในกระเป๋าอีกแล้ว     ฉะนั้น วันนี้เราขอนำเสนอ "ตะขอแขวนเข็มขัด" (เรียกแบบนี้แหละ ก็มันเป็นตะขอที่เราต้องการเอามาใช้แขวนเข็มขัดนี่)  สาเหตุที่เราต้องทำเพราะว่า แม่ของเราคลั่งไคล้เข็มขัดมาก เราไม่รู้นะชาวบ้านเขาเก็บเข็มขัดกันยังไง แต่บ้านเราม้วนๆ แล้ววางไว้ในตู้เสื้อผ้า หรือพาดไว้ที่ใดที่หนึ่ง(สำหรับเส้นที่ใช้บ่อย)       อยู่ไปจำนวนมันเพิ่มขึ้น พื้นที่ในการเก็บก็ใช้มากขึ้น จึงเป็นที่มาของการสรรห

ผงโรยข้าวจากไดโซะ

ก่อนอ่านบทความนี้ จงตั้งสติและอ่านข้อความ 4 บรรทัดล่างอย่างตั้งใจ "ลิ้นใคร ลิ้นมัน" "รสนิยมใคร ก็รสนิยมมัน" "กระเพาะใคร ไตใคร ก็ไม่เกี่ยวกัน" "ฉะนั้นเธอกับฉันไม่เหมือนกันนะเออ" มาถึงตรงนี้คุณอ่านหนังสือเกิน 7 บรรทัดสั้นๆ แล้วค่ะ ดิฉันมีความยินดียิ่งที่จะเล่าเรื่องราวนี้ โดโซะ!!!!! ไดโซะ คุณผู้หญิงเดินเข้าร้านร้อยเยน เช่น ไดโซะ คุณซื้ออะไร 1. ดิ่งไปที่ของกิน 2. พุ่งตัวไปหาเครื่องสำอาง 3. ดูพวกเครื่องประดับ ถุงมือ ถุงเท้า ถุงน่อง 4. ดูของใช้ เครื่องครัวเก๋ๆ 5. ส่องของคิขุน่ารัก สำหรับเรา หาขนมก่อน หาของที่คิดว่าเรากินได้  เสบียงยามตกยาก เมื่อเงินร่อยหรอ และเอากลับมาประเทศบ้านเกิดได้ โดยไม่หมดอายุทันทีที่ออกจากแผ่นดินญี่ปุ่น สิ่งที่ใครๆ ก็แนะนำให้ซื้อ อันนี้ก็ไม่รู้ว่าไปมันเชื่อมาจากไหน หรือมันแค่อยากลองกินเบนโตะแบบที่แม่บ้านญี่ปุ่นทำ และล่อลวงด้วยการลงรูปทุกเช้าในอินสตาแกรม today's breakfast today's lunch โอ้วววว แม่จ๋า น้ำลายไหล ซึ่งมันก็ดันทุรังไปติดตามเขา

Himalaya Herbals ใช้ดีมั้ย?

เปิดเรื่องด้วย Clarina anti-acne kit  แม้จะไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ตัวแรกที่รู้จัก  แต่ถ้าเป็นสิว นอกจาก neem face wash ก็อยากแนะนำอันนี้แหละ Clarina anti acne kit บอกกล่าวไว้นิดนึง "หนังหน้าเรา ผิวมัน แต่หน้าหนาวจะแห้งมาก มีสิวผด สิวหัวเปิด สิวเม็ดเล็กๆ มีหัวสิวสีขาวๆ ชอบบีบสิว  เวลาเห็นหัวสิวแล้วสะใจ ชอบแกะสิว  เอามือลูบหน้าเล่นๆ แล้วแกะเลย  มีหลุมสิว รอยแดง สิวเสี้ยนที่จมูก รูขุมขนกว้างมาก" ชุดรักษาสิว ประกอบด้วย 1. Face wash gel เราชอบกลิ่นมาก หอมชื่นใจ  ฟองนุ่มๆ ล้างน้ำเปล่าแล้วหน้าไม่แห้งตึง แต่นุ่ม รู้สึกสะอาด 2. Face mask มาส์กหน้าสีขาวข้น ทาแล้วรู้สึกเย็น บางครั้งแสบหน้าด้วย ทิ้งไว้ 10-15 นาทีล้างออก พอล้างหน้าแล้วรู้สึกใสมาก ผิวก็นุ่ม 3. Anti acne cream ครีมแต้มสิว เขาให้แต้มบริเวณที่เป็นสิว หรือถ้าลูบแล้วรู้สึกว่าตรงนี้สิวแน่ เราก็จะใช้ตัวนี้แต้ม เช้า-เย็น ประมาณ 3-5 วัน สิวตรงนั้นหายไปจากหน้าเลยอะ แต่ไปขึ้นที่อื่นต่อ ฮ่าๆๆๆ ยังไงวะเนี่ย อย่างช้าสุดก็ 1 สัปดาห์ มันยุบไปเลย บางอันพอบีบก็มีหัวสิวออกมา แต่เขาบ