Skip to main content

ที่นี่ไต้หวัน ตอน "หยางหมิงซาน"

ฮาโล ฮาโล รีวิวที่ไม่เน้นเนื้อหา ไม่มีสาระ เน้นรูปภาพมาแล้ว

มาแล้ว หยางหมิงซาน อุทยานแห่งชาติใกล้กรุงไทเป แค่นั่งรถเมล์สาย 260 คุณก็ได้สูดอากาศให้เต็มปอด พร้อมชมเทศกาลดอกคอลล่าลิลลี่ แต่ต้องไปให้ถูกช่วงนะจ๊ะ ถึงจะเจอเทศกาลนี้ซึ่งมักจัดประมาณกลางเดือนมีนาคมถึงปลายเดือนเมษายน อย่างในปี 2015 นี้กำหนดจัดงานคือระหว่างวันที่ 20 มีนาคม - 26 เมษายน
มารอรถเมล์สาย 260 ต้องทางออก north 2 นะคะ สังเกตรูปปั้น 
กว่าเราจะมาถึงทางออกนี้ก็เดินหลงอยู่ในไทเปเมนสเตชั่นนานพอสมควร 
มาถึงจะเจอคุณลุงคุณป้าถืออุปกรณ์เดินเขามายืนต่อแถวรอรถกันอยู่

ทางไปชมทุ่งดอกคอลล่าลิลลี่ บอกไม่ได้จริงๆ ไม่ได้หวงแต่เพราะเราหลงไป ก็นั่งสาย 108 ที่วิ่งรอบอุทยานแล้วเดินไปเรื่อยๆ ทางมันสมบุกสมบันไม่แนะนำจริงๆ นะ ให้หารถเมล์สาย 8 หรือสาย 9 นี่แหละไป Zhuzihu
จุดแรกที่ไปเจอ งานนี้ไม่ฟรีนะ ค่าเข้า 100NT เลยได้แต่มองอยู่นอกรั้ว

ทางเดินระหว่างทางมีคูน้ำเล็กๆ น้ำใสมากมองเห็นลูกอ๊อดด้วย

เราก็เลยหาทางเดินไป Zhuzihu เดินแบบมึนๆ ไปเรื่อยๆ จนไปเจอสถานที่จัด Calla Lily Festival 
งานนี้ไม่ฟรีเช่นกัน ค่าเข้า 150NT นะ


ซูมดอกให้เห็นชัดๆ เวลาอยู่เป็นช่อใหญ่ๆ มันสวยมาก

จากนั้นก็เดินมึนกลับมารอรถที่เดิม เดินโหดป่ะหล่ะจะเป็นลม ตอนแรกเราตั้งใจจะไปดมกลิ่นกำมะถัน
แต่เปลี่ยนใจไปนั่งชิลที่ทุ่งเลี้ยงวัว Qingtiangangดีกว่า

ลงรถเมล์ปุ๊บเดินขึ้นบันไดไปหน่อย มองซ้ายเจอน้องวัวยืนเล็มหญ้าอยู่ ไม่กลัวคนเลย 
เราก็ไม่กลัวเพราะมีรั้วกันไว้ เหยยยยยย!!!! 

ทางเดินเป็นหินอะ เดินลำบากมาก เดินไปเจ็บเท้าไป 
เพราะวันนี้เดินมาเยอะไง ที่นี่เราเจอชาวต่างชาติ กับไต้หวัน

         สำหรับหยางหมิงซานเรามักจะเจอคุณลุงคุณป้ามาเดินป่าเดินเขากันเยอะมาก ขนาดวันธรรมดานะ วัยรุ่นจะมานั่งชิลที่ทุ่งเลี้ยงวัวนี้ บางคนมาถ่ายรูปชุดครุยด้วย ถ่ายไปถ่ายมาโดนหมอกกลืนไปซะแล้ว ระหว่างทางก็จะมีคู่บ่าวสาวมาถ่ายรูปพรีเวดดิ้ง เยอะมากๆ 

 เนินไกลๆ นั่นเขาถ่ายรูปชุดครุยกันนะ นั่งไปซักพักหมอกลงมองไม่เห็นน้องๆ กลุ่มนั้นเลย

นั่งจนหัวเปียกเพราะว่าหมอกลงหนักมาก นึกว่าไปสระผมมา อากาศเย็นๆ ชื้นๆ 
กลับเข้าเมืองไปหาชาบูกินดีกว่า
หยางหมิงซานกว้างมากๆ นะ เราไปนั่งหลงที่ป้าย Erziping นานมากเพราะสับสนว่ารถคันไหนไปไม่ไป Qingtiangang บางคันจะมาแค่ Erziping ไงก็เลยต้องคอยถามคนขับแต่คุยไม่รู้เรื่อง เรานี่แหละฟังเค้าไม่รู้เรื่อง แต่ก็รอดมาได้นะ 555555

ส่วนขากลับก็รอรถสาย 108 ที่ Qingtiangang ไปที่ท่ารถที่เราลงสาย 260 แล้วก็นั่งสายเดิมกลับไปกินชาบู 555555555


Comments

Popular posts from this blog

เดคูพาจ (Decoupage)

    ช่วงนี้กำลังเห่องานเดคูพาจ (บ้างก็เขียนว่าเดโคพาจ เดคโคพาจ นะ) เราเห็นคนอื่นทำ แล้วอยากลองทำบ้าง ไม่ได้ทำขายอะไรนะ ส่วนใหญ่ทำใช้เอง ทำให้เพื่อนบ้างบางโอกาส สนุกดี     ตอนที่สนใจเดคูพาจใหม่ๆ เราสั่งของผ่านทางเว็บไซต์ตลอดเลย โดยเฉพาะ Facebook มีให้เลือกหลายร้านมากๆ เพราะเราไม่สะดวกไปจตุจักร เนื่องจากไกลบ้าน และไม่คุ้มค่ารถ      วันหนึ่งมีโอกาสไปเดินสำเพ็ง-พาหุรัด ก็เจอร้านๆ นึง เราเคยซื้อของร้านนี้ตั้งแต่ขายเทียนเจล สีเพ้นท์แก้ว/กระจก ขวดโหล จนมาถึงวันนี้ที่ร้านนี้มีขายทั้งน้ำยา กาว กระดาษ ตะกร้า กระเป๋าสาน ล่าสุดที่ไปมีกระเป๋าสตางค์แบบยาว  และอื่นๆ อีกมากมาย น่ารักน่าสนใจล่อเงินในกระเป๋าอีกแล้ว     ฉะนั้น วันนี้เราขอนำเสนอ "ตะขอแขวนเข็มขัด" (เรียกแบบนี้แหละ ก็มันเป็นตะขอที่เราต้องการเอามาใช้แขวนเข็มขัดนี่)  สาเหตุที่เราต้องทำเพราะว่า แม่ของเราคลั่งไคล้เข็มขัดมาก เราไม่รู้นะชาวบ้านเขาเก็บเข็มขัดกันยังไง แต่บ้านเราม้วนๆ แล้ววางไว้ในตู้เสื้อผ้า หรือพาดไว้ที่ใดที่หนึ่ง(สำหรับเส้นที่ใช้บ่อย)       อยู่ไปจำนวนมันเพ...

ว่าด้วยต่างหูหนีบ

ต่างหูหนีบมาอีกแล้ว ทำไงได้ก็คนมันเห่อนี่นะ      ด้วยความมุ่นมั่นที่จะทำต่างหูแบบหนีบให้เหมือนต่างหูแบบเจาะมากที่สุด ทำให้ต้องดั้นด้นค้นฟ้าคว้ากาวไกลถึงสำเพ็ง (ความจริงก็ไม่ไกลหรอกแค่ข้ามเจ้าพระยาไป แต่เราใช้คำให้มันเว่อร์เท่านั้นแหละ)      สำหรับต่างหูแบบห่วงเราไม่สนใจแล้ว เพราะแบบนี้มันเนียน มองเผินๆ เหมือนเราเจาะหูจริงๆ อันที่เราสนใจคือแบบตะปู ซึ่งมันดันมีสองแบบ คือมีห่วง และไม่มีห่วง (เพิ่งรู้ ตายๆๆๆ) หน้าตามันเป็นแบบนี้ ซ้ายมีห่วง สองอันขวาคือแบบไม่มีห่วง และมีหลายขนาดอีกเน้อ พอจะเห็นความแตกต่างมั้ย     แบบไม่มีห่วงนี่แหละที่เราเห็นว่ามันต้องทำอะไรอย่างอื่นได้อีก นอกจากห้อยลูกปัดธรรมดา ฉะนั้นลองเอากาวมาแปะจี้ แปะเพชรดีมั้ย แล้วจะใช้กาวอะไรดีล่ะ     แน่นอนว่าอากู๋รู้ทุกเรื่อง หลังจากค้นไปเรื่อยๆ ก็เจอกาว Epoxy ซึ่งมันสามารถยึดติดได้กับหลายพื้นผิว เช่น เหล็ก ไม้ แก้ว พลาสติก เลยตั้งใจไปสำเพ็งเพื่อซื้ออะไหล่ต่างหู และกาว epoxy (พ่อบอกว่ากาวนี้หาซื้อที่ร้านขายวัสดุก่อสร้าง แต่ไหนๆ ก็ไปสำเพ็งแล้ว รู้ชื่อร้านที่มีกาวขาย แถมรู้...

ผงโรยข้าวจากไดโซะ

ก่อนอ่านบทความนี้ จงตั้งสติและอ่านข้อความ 4 บรรทัดล่างอย่างตั้งใจ "ลิ้นใคร ลิ้นมัน" "รสนิยมใคร ก็รสนิยมมัน" "กระเพาะใคร ไตใคร ก็ไม่เกี่ยวกัน" "ฉะนั้นเธอกับฉันไม่เหมือนกันนะเออ" มาถึงตรงนี้คุณอ่านหนังสือเกิน 7 บรรทัดสั้นๆ แล้วค่ะ ดิฉันมีความยินดียิ่งที่จะเล่าเรื่องราวนี้ โดโซะ!!!!! ไดโซะ คุณผู้หญิงเดินเข้าร้านร้อยเยน เช่น ไดโซะ คุณซื้ออะไร 1. ดิ่งไปที่ของกิน 2. พุ่งตัวไปหาเครื่องสำอาง 3. ดูพวกเครื่องประดับ ถุงมือ ถุงเท้า ถุงน่อง 4. ดูของใช้ เครื่องครัวเก๋ๆ 5. ส่องของคิขุน่ารัก สำหรับเรา หาขนมก่อน หาของที่คิดว่าเรากินได้  เสบียงยามตกยาก เมื่อเงินร่อยหรอ และเอากลับมาประเทศบ้านเกิดได้ โดยไม่หมดอายุทันทีที่ออกจากแผ่นดินญี่ปุ่น สิ่งที่ใครๆ ก็แนะนำให้ซื้อ อันนี้ก็ไม่รู้ว่าไปมันเชื่อมาจากไหน หรือมันแค่อยากลองกินเบนโตะแบบที่แม่บ้านญี่ปุ่นทำ และล่อลวงด้วยการลงรูปทุกเช้าในอินสตาแกรม today's breakfast today's lunch โอ้วววว แม่จ๋า น้ำลายไหล ซึ่งมันก็ดันทุรังไปติดตามเขา...