Skip to main content

ที่นี่ไต้หวัน ตอน "ใครๆ ก็ไป Jiufen(จิ่วเฟิ่น)"

20 มีนาคม 2558
        แพลนเที่ยวของเราในวันนี้คือ หมู่บ้านแมวโหวต้ง (Houtong) - Gold Museum ที่รีวิวไปแล้ว - ถนนโบราณจิ่วเฟิ่น (Jiufen Old Street) ถนนโบราณที่ใครๆ ก็ต้องมา


Houtong เป็นหมู่บ้านเล็กๆ เดินเที่ยวแป๊บเดียวก็ทั่วแล้ว ถ้าข้ามสะพานกระจก(ทางฝั่ง visitor center) ไปฝั่งตรงข้ามจะมีเจ้าหน้าที่ถามเราจะนั่งรถเที่ยวเหมืองเก่ามั้ย ค่าเข้าจำไม่ได้เพราะไม่ได้นั่ง 120NT มั้ง พวกเราแค่เดินไปถ่ายรูปบนสะพานเท่านั้นเอง จริงๆ


เราค่อนข้างคาดหวังว่าจะเจอแมวเป็นฝูง โดนแมวรุมล้อม(เอิ่ม เอ็งไปคาเฟ่แมวเหอะ) แต่กลายเป็นว่าวันนั้นแมวหลบไปนอนที่ไหนหมดก็ไม่รู้ หรือเพราะพวกเราไปถึงที่นั่นเช้าเกิน พวกแมวทั้งหลายยังไม่ตื่น (เราไม่ถึงที่นั่นประมาณแปดโมงครึ่ง - เก้าโมง คงเช้าไปจริงๆ ร้านรวงยังไม่เปิดดี แต่ร้านอาหารเปิดแล้วนะ)
เจ้าตัวนี้นั่งเฝ้ายามอยู่หน้าทางเข้า Visitor Center

คงจะเช้าไปจริงๆ ซินะ แมวส่วนใหญ่ถ้าไม่นอน ก็กิน ชีวิตดูสบาย ขี้เกียจจังเลย 5555

ตัวนี้ก็หลับเป็นตาย


แง๊ทำไมเจอแต่แมวหลับ ชีวิตโคตรอาภัพ ไปคาเฟ่แมวก็โดนแมวเมิน

ป้ายต่างๆ ยังมีแมวเหมียว แม้แต่ห้องน้ำก็ต้องมีรูปแมว


เอาหละเดินข้ามฝั่งไปหมู่บ้าน ตามหาแมวเหมียวกันเถอะ

ยังดีเจอเจ้าตัวนี้ เดินเข้ามาหา มานั่งโพสท่าให้พวกเราถ่ายรูป


แต่เราก็ประทับใจที่นี่มาก มันเงียบสงบ เจอไกด์ใจดีด้วย เค้าถามพวกเราเป็นภาษาจีนแต่ฟังไม่รู้เรื่องไง ทำหน้าเอ๋อใส่เค้าก็เลยถามภาษาอังกฤษว่ามาจากไหน จะไปไหน มีอะไรสนใจเป็นพิเศษมั้ย แล้วก็แนะนำสถานที่เที่ยวอื่นๆในหมู่บ้านแมว ซึ่งก็คือนั่งรถรางชมเหมืองนั่นแหละ เค้าบอกว่าสวยมาก แต่เราไม่ได้ไป เดี๋ยวเงินหมด เสียดายเหมือนกันนะ

รูปนี้ถ่ายบนสะพานกระจก น้ำสีเขียวดูใสสะอาดจริงๆ

อากาศดี๊ดี วิวก็สวยนั่งรถไฟมาเกือบ 1 ชั่วโมง เสียดายแมวเหมียวขี้เซากันหมด

          ปิดท้ายหมู่บ้านแมวด้วยพี่ใหญ่ตัวนี้ เล่นนอนซะกลางถนน ใหญ่ปะหล่ะ
      ชาวบ้านที่นี่เค้ารักแมวมากนะ แมวไม่ยอมกินข้าวเค้าก็อุ้มมาวางหน้าชามข้ามแล้วก็พูดกับแมว (พูดว่าอะไรบ้างไม่รู้เพราะว่าเราฟังไม่รู้เรื่อง 5555)

ถนนโบราณจิ่วเฟิ่น (Jiufen old street) 
       สถานที่แห่งแรกที่เราเจอคนไทย คนญี่ปุ่น และคนเกาหลี นอกนั้นเจอแต่จีนๆๆๆๆๆ ถนนเส้นนี้ขายอาหารและของที่ระลึกตลอดทาง อาหารที่ห้ามพลาดต้องลองก็คือไอติมโรตี (ขอเรียกแบบนี้นะ) มันเป็นแป้งคล้ายๆโรตีตักไอติมวางโรยด้วยถั่ว อร่อยแปลกๆ


       เราไม่ได้กินบัวลอยเพราะยัดไม่เข้าแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าแค่ชิ้นเดียวแต่อิ่มมาก แม้ว่าจะอิ่มแต่มันกินข้าวได้แฮะ 555555 เป็นข้าวราดหน่อไม้ต้มมะระกับหมูสามชั้น อร่อยมาก อร่อยอย่างไม่น่าเชื่อ หน่อไม้นิ่มมาก หมูสามชั้นยิ่งอร่อย ส่วนมะระขมแก้เลี่ยนดีเหลือเกิน 

       หลังจากอิ่มหนำสำราญเป้าหมายของเราคือบันได และร้านน้ำชาโลเคชั่นยอดฮิตที่ทุกคนต้องมาถ่ายรูป เราเดินจนเมื่อยก็ยังไม่เปิดไฟซักที เดินขึ้นเดินลงหลายรอบ จนในที่สุดร้านก็เปิดโคมไฟสีแดงสวยมากๆ ความจริงเค้าคงเปิดนานแล้วหละ แต่มันยังไม่มืดก็เลยไม่สวยมั้ง



ตรงนี้เรียกว่ามุมมหาชนได้มั้ย กลับมาโฮสเทลเพิ่งสังเกตร้านรองเท้า Fufa
ร้านนี้น่าจะเยอะกว่าร้านตรงทางขึ้นไปโรงเรียน

ระหว่างรอความมืด รอเปิดโคม ก็เดินไปเรื่อยๆ เจอมุมนี้ จะเห็นว่าทั้งเมืองมีแต่หมอกจริงๆ
เรามองไม่เห็นวิวทะเลเลย อากาศแปรปรวนมาก ตอนเช้านั่งรถมาแดดจ้าอยู่เลย เราแค่ขึ้นไปเที่ยวเหมืองทองกลับลงมาก็มองไม่เห็นอะไรแล้ว ทางรถวิ่งยังน่ากลัวเลยเพราะมันมองเห็นในระยะใกล้ๆ ทัศนวิสัยไม่ดีอย่างแรง คนขับต้องชำนาญทางมากเลย รู้สึกขอบคุณ ^^

บันไดสูงๆนี่ ยืนรอจนคนน้อยถึงกดชัตเตอร์

เดินขึ้นเดินลงจนท้อ มุมไหนสวยก็หยุดยืนถ่ายรูป จนหลงกับเพื่อน ฮือๆๆ

ในที่สุดก็ได้ภาพนี้ ไม่เดินลงไปละ ไม่ไหวอยู่ตรงนี้พอละ ร้านนี้สวยมากๆ
คนก็เยอะมากแทบหาที่ยืนเพื่อถ่ายรูปไม่ได้ ถ่ายเสร็จก็ต้องรีบออกเพราะคนอื่นเขาจะได้ถ่ายบ้าง


ชุดดำๆ นั่นคุณผีไร้หน้ามาโชว์ตัวให้ถ่ายรูปด้วย แต่เรายืนส่องไกลๆ เพราะบันไดคนเยอะมาก 
เรียกว่าไหลตามกันไปดีกว่า แฟน Spirited Away ห้ามพลาดอะ


ใครไปไต้หวันก็อย่าลืมใส่ถนนโบราณจิ่วเฟิ่นไปในโปรแกรมด้วยนะ
เรายังอยากนอนค้างคืนที่นี่เลย อยากเห็นวิวทะเลสวยๆ บ้าง ไม่ใช่เห็นแต่หมอก
.
.
.
พบกันใหม่ตอนหน้า หยางหมิงซาน(Yang Ming Shan)

***เพิ่มเติม***
มาถึงตรงนี้ หลายคนคงงงว่า แกไม่คิดจะบอกหน่อยเหรอ
ว่าไปถึงโหวต้ง และจิ่วเฟิ่นได้ยังไง 55555555
โอเค บอกในนี้ด้วยก็ได้

เราไม่ได้นั่งสาย 1062 จากไทเปมาที่นี่
อีกอย่างคือเราไปหมู่บ้านแมวก่อน แน่นอนว่าต้องนั่งรถไฟไป

จาก Houtong มาลงสถานีรถไฟ Ruifang แล้วต่อรถเมล์ที่ป้ายแถวป้อมตำรวจ
ไม่ใช่หน้าห้าง Wellcome แบบที่ในโบว์ชัวร์ของ Gold museum บอกนะ
(ไม่รู้แก้ไขข้อมูลรึยัง)

วันนั้นเรานั่งสาย 788 ไปเที่ยว Gold Museum ก่อน
แล้วจึงย้อนลงมาที่ Jiufen โดยนั่งสาย 788 หรือ 1062 เหมือนเดิม

เราแพลนแบบนี้เพราะตั้งใจจะมาเก็บช็อตโคมไฟยามเย็นกับร้านน้ำชา
 รวมทั้งตะวันลับฟ้า
แต่ที่ไหนได้ หมอกลงทั้งเมืองเลยค่ะ

สวัสดี 55555




Comments

Popular posts from this blog

เดคูพาจ (Decoupage)

    ช่วงนี้กำลังเห่องานเดคูพาจ (บ้างก็เขียนว่าเดโคพาจ เดคโคพาจ นะ) เราเห็นคนอื่นทำ แล้วอยากลองทำบ้าง ไม่ได้ทำขายอะไรนะ ส่วนใหญ่ทำใช้เอง ทำให้เพื่อนบ้างบางโอกาส สนุกดี     ตอนที่สนใจเดคูพาจใหม่ๆ เราสั่งของผ่านทางเว็บไซต์ตลอดเลย โดยเฉพาะ Facebook มีให้เลือกหลายร้านมากๆ เพราะเราไม่สะดวกไปจตุจักร เนื่องจากไกลบ้าน และไม่คุ้มค่ารถ      วันหนึ่งมีโอกาสไปเดินสำเพ็ง-พาหุรัด ก็เจอร้านๆ นึง เราเคยซื้อของร้านนี้ตั้งแต่ขายเทียนเจล สีเพ้นท์แก้ว/กระจก ขวดโหล จนมาถึงวันนี้ที่ร้านนี้มีขายทั้งน้ำยา กาว กระดาษ ตะกร้า กระเป๋าสาน ล่าสุดที่ไปมีกระเป๋าสตางค์แบบยาว  และอื่นๆ อีกมากมาย น่ารักน่าสนใจล่อเงินในกระเป๋าอีกแล้ว     ฉะนั้น วันนี้เราขอนำเสนอ "ตะขอแขวนเข็มขัด" (เรียกแบบนี้แหละ ก็มันเป็นตะขอที่เราต้องการเอามาใช้แขวนเข็มขัดนี่)  สาเหตุที่เราต้องทำเพราะว่า แม่ของเราคลั่งไคล้เข็มขัดมาก เราไม่รู้นะชาวบ้านเขาเก็บเข็มขัดกันยังไง แต่บ้านเราม้วนๆ แล้ววางไว้ในตู้เสื้อผ้า หรือพาดไว้ที่ใดที่หนึ่ง(สำหรับเส้นที่ใช้บ่อย)       อยู่ไปจำนวนมันเพ...

ว่าด้วยต่างหูหนีบ

ต่างหูหนีบมาอีกแล้ว ทำไงได้ก็คนมันเห่อนี่นะ      ด้วยความมุ่นมั่นที่จะทำต่างหูแบบหนีบให้เหมือนต่างหูแบบเจาะมากที่สุด ทำให้ต้องดั้นด้นค้นฟ้าคว้ากาวไกลถึงสำเพ็ง (ความจริงก็ไม่ไกลหรอกแค่ข้ามเจ้าพระยาไป แต่เราใช้คำให้มันเว่อร์เท่านั้นแหละ)      สำหรับต่างหูแบบห่วงเราไม่สนใจแล้ว เพราะแบบนี้มันเนียน มองเผินๆ เหมือนเราเจาะหูจริงๆ อันที่เราสนใจคือแบบตะปู ซึ่งมันดันมีสองแบบ คือมีห่วง และไม่มีห่วง (เพิ่งรู้ ตายๆๆๆ) หน้าตามันเป็นแบบนี้ ซ้ายมีห่วง สองอันขวาคือแบบไม่มีห่วง และมีหลายขนาดอีกเน้อ พอจะเห็นความแตกต่างมั้ย     แบบไม่มีห่วงนี่แหละที่เราเห็นว่ามันต้องทำอะไรอย่างอื่นได้อีก นอกจากห้อยลูกปัดธรรมดา ฉะนั้นลองเอากาวมาแปะจี้ แปะเพชรดีมั้ย แล้วจะใช้กาวอะไรดีล่ะ     แน่นอนว่าอากู๋รู้ทุกเรื่อง หลังจากค้นไปเรื่อยๆ ก็เจอกาว Epoxy ซึ่งมันสามารถยึดติดได้กับหลายพื้นผิว เช่น เหล็ก ไม้ แก้ว พลาสติก เลยตั้งใจไปสำเพ็งเพื่อซื้ออะไหล่ต่างหู และกาว epoxy (พ่อบอกว่ากาวนี้หาซื้อที่ร้านขายวัสดุก่อสร้าง แต่ไหนๆ ก็ไปสำเพ็งแล้ว รู้ชื่อร้านที่มีกาวขาย แถมรู้...

ผงโรยข้าวจากไดโซะ

ก่อนอ่านบทความนี้ จงตั้งสติและอ่านข้อความ 4 บรรทัดล่างอย่างตั้งใจ "ลิ้นใคร ลิ้นมัน" "รสนิยมใคร ก็รสนิยมมัน" "กระเพาะใคร ไตใคร ก็ไม่เกี่ยวกัน" "ฉะนั้นเธอกับฉันไม่เหมือนกันนะเออ" มาถึงตรงนี้คุณอ่านหนังสือเกิน 7 บรรทัดสั้นๆ แล้วค่ะ ดิฉันมีความยินดียิ่งที่จะเล่าเรื่องราวนี้ โดโซะ!!!!! ไดโซะ คุณผู้หญิงเดินเข้าร้านร้อยเยน เช่น ไดโซะ คุณซื้ออะไร 1. ดิ่งไปที่ของกิน 2. พุ่งตัวไปหาเครื่องสำอาง 3. ดูพวกเครื่องประดับ ถุงมือ ถุงเท้า ถุงน่อง 4. ดูของใช้ เครื่องครัวเก๋ๆ 5. ส่องของคิขุน่ารัก สำหรับเรา หาขนมก่อน หาของที่คิดว่าเรากินได้  เสบียงยามตกยาก เมื่อเงินร่อยหรอ และเอากลับมาประเทศบ้านเกิดได้ โดยไม่หมดอายุทันทีที่ออกจากแผ่นดินญี่ปุ่น สิ่งที่ใครๆ ก็แนะนำให้ซื้อ อันนี้ก็ไม่รู้ว่าไปมันเชื่อมาจากไหน หรือมันแค่อยากลองกินเบนโตะแบบที่แม่บ้านญี่ปุ่นทำ และล่อลวงด้วยการลงรูปทุกเช้าในอินสตาแกรม today's breakfast today's lunch โอ้วววว แม่จ๋า น้ำลายไหล ซึ่งมันก็ดันทุรังไปติดตามเขา...