Skip to main content

ที่นี่ไต้หวัน ตอน "Gold Museum"

ได้เวลารีวิวสถานที่ท่องเที่ยวของไต้หวัน แบบไม่เรียงตามแพลนเที่ยวของเรา
เป็นรีวิวตามใจฉัน อยากรีวิวที่ไหนก็ทำ 55555


ที่นี่ไต้หวัน ตอน "Gold Museum" หรือพิพิธภัณฑ์ทองคำ ถ้าผิดพลาดต้องขออภัยด้วย 
เพราะเราก็สตรีทวิวและเดินตามนักท่องเที่ยวคนอื่นไปเรื่อยๆ 
แต่ไปๆมาๆคนหายหมดเหลือเพียงเรากับเพื่อน 3 คน ฮ่าๆๆๆ
สำหรับชื่อสถานที่จำไม่ค่อยได้นะ แต่จะแกะจากแผนที่เอา
เพราะเราไม่ได้ตั้งใจจะกลับมารีวิว 55555

โบว์ชัวร์ จากเว็บไซต์ของพิพิธภัณฑ์  เป็นโบว์ชัวร์มีแผนที่อยู่หน้าที่ 2 
สำหรับข้อมูลการเดินทางในโบว์ชัวร์นี้ไม่อัพเดทแล้วนะ
พวกเราต้องไปรอรถเมล์สาย 788 หรือ 1062 ที่หน้าสถานีตำรวจเท่านั้นเน้อ
ไม่ว่าจะวันธรรมดาหรือวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ รอรถหน้าห้าง wellcome ไม่ได้ละ

ส่วนลิงค์นี้ แผนที่พิพิธภัณฑ์ทอง อย่างเดียว

20 มีนาคม 2558
     พวกเราออกจากโฮสเทลแต่เช้าตรู่ หามื้อเช้ารองท้องในเซเว่น และเดินทางไปหมู่บ้านแมวโหวต้ง (Houtong) ด้วยรถไฟ TRA แม้สภาพภายนอกของรถไฟจะเก่าแต่ข้างในเปิดแอร์เย็นฉ่ำ 
มีป้ายไฟบอกตลอดทางว่าตอนนี้ถึงสถานีไหนแล้ว ป้ายต่อไปชื่อสถานีอะไร สะดวกสบายสุดๆ 
แต่กว่าเราจะได้ขึ้นรถไฟก็ต้องซื้อตั๋วก่อนใช่มั้ย แม้ easy card จะใช้ได้แต่เราไม่รู้ชานชาลาไงล่ะ

     เราเดินหน้ามึนหาเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วที่สถานี Nangang มีเจ้าหน้าที่ประจำเพียงคนเดียว 
พร้อมยื่นแพลนเที่ยวที่มีภาษาจีนกำกับ และพูดชื่อสถานที่ที่ต้องการไปด้วยสำเนียงต่างด้าว 
เจ้าหน้าที่เขียนเลขขบวนรถไฟ และบอกเลขชานชาลากับ 3 สาวหน้าหมวย 
และให้พวกเราไปตามหาตามยถากรรม

 เวลา 7:45 และชานชาลา 1A ลายมือของเจ้าหน้าที่จำหน่ายตั๋ว
ส่วน Train code 4148 นั่นเราเช็คจากเว็บรถไฟ TRA อีกที
ซึ่งรถขบวน 4148 ปลายทางคือ Suao แต่ผ่านสถานี Houtong และไม่ต้องเปลี่ยนขบวน


      สาเหตุที่มารอรถไฟที่สถานี Nangang เพราะอยากดูภาพผลงานจิมมี่ เหลียว และรูปปั้นตัวละคร
ของเขาแต่เราหาไม่เจอ ฮือๆๆ เรารอรถไฟนานพอสมควร ด้านล่างอากาศเย็นมาก 
และไม่ควรยืนใกล้รางรถไฟนะ เพราะบางครั้งมีรถไฟด่วนมาแล่นเร็วมากจนตัวแทบปลิว 
ขนาดนั่งอยู่หัวยังกระเซิงเลยคิดดู

เมื่อลงมาถึงชานชาลาจะเจอบอร์ดนี้มีแต่ตัวเลขและภาษาจีน
แต่เราไม่กลัวเพราะได้เลขเด็ดจากคุณลุงเจ้าหน้าที่แล้ว 55555
นอกจากนี้จะมีบอร์ดอีกอันจะแจ้งว่ารถไฟขบวนต่อไปคืออะไร ถ้าดีเลย์ก็จะบอกไว้เลย
อ้อ รถไฟที่นี่เขาตรงเวลา และสะอาดมากๆ นะ

       ขอข้ามรีวิวแมวๆ ณ หมู่บ้านแมวโหวต้ง(Houtong) กลับมาสถานีรุ่ยฟาง(Ruifang) 
เราลองใช้ easy card แทนการซื้อตั๋ว เพราะที่ทางเข้าทางออกจะมีเครื่องแตะบัตร
สำหรับ easy card ด้วยแสดงว่ามันต้องใช้ได้
       เมื่อออกจากสถานีรถไฟรุ่ยฟางแล้วก็ข้ามถนนเดินไปรอรถเมล์หน้าสถานีตำรวจ 
สาย 788 พาไป Jinguashi พิพิธภัณฑ์ทองคำ(Gold Museum) 
ถ้าจำไม่ผิดสาย 1062 ที่วิ่งมาจากไทเปก็ไป Gold museum นะ 
(ข้อมูลเดิมเขารอรถหน้าห้าง Welcome กันแต่ตอนนี้มันไม่มีป้ายรถเมล์
ให้รอแล้วต้องไปรอป้ายแถวๆสถานีตำรวจนะ โอเค๊)

       เราไปถึงพิพิธภัณฑ์ก็ใกล้เที่ยวแล้ว แต่แวะเข้าไปชมวิดีทัศน์ใน Four joined Japanese style residences ก่อน สมาชิกเริ่มหิวข้าว ก็เลยแวะกินข้าวที่ร้านนี้ 
มีอาหารแบบเบนโตะ (miner's bento)ด้วย แต่เรากินแบบนี้


หน้าตารสชาติดีใช้ได้ เพื่อนอีกคนกินข้าวแกงกะหรี่มั้งบอกว่าจืดไปก็เลยแบ่งผักดองให้


หลังจากกินข้าวเสร็จเรียบร้อยได้เวลาสำรวจ
1. Jinguashi Crown Prince Chalet เดินชมรอบๆ สวยนะ
 

2. Jin-Shui Special Exhibition Hall อันนี้ไม่ได้ถ่ายรูปมา ข้างในมีตัวปั๊มให้เก็บสะสมลงสมุดด้วย
3. ชมพิพิธภัณฑ์ เดินเข้าอุโมงค์ ไป Gold building ก่อนเข้าอุโมงค์ให้ชมวิดีทัศน์ประวัติเหมืองทอง
แห่งนี้ เมื่อเข้าไปข้างในจะมีเจ้าหน้าที่แจกหมวกให้เราเพราะจะเข้าอุโมงค์ ข้างในค่อนข้างชื้น 
และมืดน่ากลัวอะ 55555 ถ้ามาคนเดียวคงถอยดีกว่า
ภายใน gold building จัดแสดงนิทรรศการ และข้าวของเครื่องใช้ที่ทำจากทอง



และที่พลาดไม่ได้คือต้องไปจับทองก้อนนี้ 555

ออกจาก gold building เราไปเดินร้าน gift shop แป๊บนึงแล้วมุ่งหน้าข้ามสะพาน
ไปจุดชมวิวทะเลสองสีกันต่อ

เมื่อข้ามสะพานมา หันกลับไปมองฝั่งตรงข้ามจะเห็น Gold building


 เดินไปตามทางเดินนี้จะผ่านวันที่มีเทพเจ้าองค์ใหญ่
และเดินต่อไปอีกจนถึงลานจอดรถ

เมื่อถึงลานจอดรถแล้ว มองทางขวาจะเจอบันไดเป็นทางเดินเขา 
และใกล้ๆมีอุโมงค์ ข้างในมืดและแฉะมาก น่ากลัว นี่ถ้าไม่มีนักท่องเที่ยวคนอื่นเดินเข้าไป 
พวกเราก็คงยืนมองอยู่อย่างงั้นแหละ

ออกมาจากอุโมงค์ได้ เราจะเจอลานกว้างๆ 
สีน้ำตาลมองเห็นวิวแบบนี้ สวยมั้ยล่ะ
(รูปนี้เราซูมด้วยนะ ทะเลค่อนข้างไกลจากจุดนี้)

นั่งชิลไปเรื่อยๆ ซักพักเดินย้อนกลับมาทางอุโมงค์เดิม
จากลานจอดรถเราเห็นนักท่องเที่ยวเดินขึ้นมาบนนี้ แล้วจะรออะไร ตามเขาไปซิจ๊ะ

บันไดไม่ชันมากเดินได้ ขึ้นมาแล้วเจอวิวแบบนี้ไม่ผิดหวังเลยจริงๆ มองเห็นลานที่เราเพิ่มไปมาด้วย

บนนี้ก็มองเห็นทะเลสองสีเช่นกัน

เราไม่ได้เดินไปจนสุดทางเพราะเริ่มกลัวความสูงละ 
หยุดอยู่ตรงนี้แล้วปล่อยให้เพื่อนไปสำรวจแทน 55555

จบแล้วสำหรับจุดชมวิว Yin Yang Sea คราวหน้าไปดูซากุระกันบ้าง
ซากุระ Cherry blossom ไต้หวันเป็นยังไง จะสวยมั้ยขอลงรูปนี้เป็นตัวประกัน


บ๊าย บาย เจอกันใหม่บทความหน้า Cherry blossom ณ วัดเทียนหยวน

Comments

Popular posts from this blog

เดคูพาจ (Decoupage)

    ช่วงนี้กำลังเห่องานเดคูพาจ (บ้างก็เขียนว่าเดโคพาจ เดคโคพาจ นะ) เราเห็นคนอื่นทำ แล้วอยากลองทำบ้าง ไม่ได้ทำขายอะไรนะ ส่วนใหญ่ทำใช้เอง ทำให้เพื่อนบ้างบางโอกาส สนุกดี     ตอนที่สนใจเดคูพาจใหม่ๆ เราสั่งของผ่านทางเว็บไซต์ตลอดเลย โดยเฉพาะ Facebook มีให้เลือกหลายร้านมากๆ เพราะเราไม่สะดวกไปจตุจักร เนื่องจากไกลบ้าน และไม่คุ้มค่ารถ      วันหนึ่งมีโอกาสไปเดินสำเพ็ง-พาหุรัด ก็เจอร้านๆ นึง เราเคยซื้อของร้านนี้ตั้งแต่ขายเทียนเจล สีเพ้นท์แก้ว/กระจก ขวดโหล จนมาถึงวันนี้ที่ร้านนี้มีขายทั้งน้ำยา กาว กระดาษ ตะกร้า กระเป๋าสาน ล่าสุดที่ไปมีกระเป๋าสตางค์แบบยาว  และอื่นๆ อีกมากมาย น่ารักน่าสนใจล่อเงินในกระเป๋าอีกแล้ว     ฉะนั้น วันนี้เราขอนำเสนอ "ตะขอแขวนเข็มขัด" (เรียกแบบนี้แหละ ก็มันเป็นตะขอที่เราต้องการเอามาใช้แขวนเข็มขัดนี่)  สาเหตุที่เราต้องทำเพราะว่า แม่ของเราคลั่งไคล้เข็มขัดมาก เราไม่รู้นะชาวบ้านเขาเก็บเข็มขัดกันยังไง แต่บ้านเราม้วนๆ แล้ววางไว้ในตู้เสื้อผ้า หรือพาดไว้ที่ใดที่หนึ่ง(สำหรับเส้นที่ใช้บ่อย)       อยู่ไปจำนวนมันเพิ่มขึ้น พื้นที่ในการเก็บก็ใช้มากขึ้น จึงเป็นที่มาของการสรรห

ผงโรยข้าวจากไดโซะ

ก่อนอ่านบทความนี้ จงตั้งสติและอ่านข้อความ 4 บรรทัดล่างอย่างตั้งใจ "ลิ้นใคร ลิ้นมัน" "รสนิยมใคร ก็รสนิยมมัน" "กระเพาะใคร ไตใคร ก็ไม่เกี่ยวกัน" "ฉะนั้นเธอกับฉันไม่เหมือนกันนะเออ" มาถึงตรงนี้คุณอ่านหนังสือเกิน 7 บรรทัดสั้นๆ แล้วค่ะ ดิฉันมีความยินดียิ่งที่จะเล่าเรื่องราวนี้ โดโซะ!!!!! ไดโซะ คุณผู้หญิงเดินเข้าร้านร้อยเยน เช่น ไดโซะ คุณซื้ออะไร 1. ดิ่งไปที่ของกิน 2. พุ่งตัวไปหาเครื่องสำอาง 3. ดูพวกเครื่องประดับ ถุงมือ ถุงเท้า ถุงน่อง 4. ดูของใช้ เครื่องครัวเก๋ๆ 5. ส่องของคิขุน่ารัก สำหรับเรา หาขนมก่อน หาของที่คิดว่าเรากินได้  เสบียงยามตกยาก เมื่อเงินร่อยหรอ และเอากลับมาประเทศบ้านเกิดได้ โดยไม่หมดอายุทันทีที่ออกจากแผ่นดินญี่ปุ่น สิ่งที่ใครๆ ก็แนะนำให้ซื้อ อันนี้ก็ไม่รู้ว่าไปมันเชื่อมาจากไหน หรือมันแค่อยากลองกินเบนโตะแบบที่แม่บ้านญี่ปุ่นทำ และล่อลวงด้วยการลงรูปทุกเช้าในอินสตาแกรม today's breakfast today's lunch โอ้วววว แม่จ๋า น้ำลายไหล ซึ่งมันก็ดันทุรังไปติดตามเขา

Himalaya Herbals ใช้ดีมั้ย?

เปิดเรื่องด้วย Clarina anti-acne kit  แม้จะไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ตัวแรกที่รู้จัก  แต่ถ้าเป็นสิว นอกจาก neem face wash ก็อยากแนะนำอันนี้แหละ Clarina anti acne kit บอกกล่าวไว้นิดนึง "หนังหน้าเรา ผิวมัน แต่หน้าหนาวจะแห้งมาก มีสิวผด สิวหัวเปิด สิวเม็ดเล็กๆ มีหัวสิวสีขาวๆ ชอบบีบสิว  เวลาเห็นหัวสิวแล้วสะใจ ชอบแกะสิว  เอามือลูบหน้าเล่นๆ แล้วแกะเลย  มีหลุมสิว รอยแดง สิวเสี้ยนที่จมูก รูขุมขนกว้างมาก" ชุดรักษาสิว ประกอบด้วย 1. Face wash gel เราชอบกลิ่นมาก หอมชื่นใจ  ฟองนุ่มๆ ล้างน้ำเปล่าแล้วหน้าไม่แห้งตึง แต่นุ่ม รู้สึกสะอาด 2. Face mask มาส์กหน้าสีขาวข้น ทาแล้วรู้สึกเย็น บางครั้งแสบหน้าด้วย ทิ้งไว้ 10-15 นาทีล้างออก พอล้างหน้าแล้วรู้สึกใสมาก ผิวก็นุ่ม 3. Anti acne cream ครีมแต้มสิว เขาให้แต้มบริเวณที่เป็นสิว หรือถ้าลูบแล้วรู้สึกว่าตรงนี้สิวแน่ เราก็จะใช้ตัวนี้แต้ม เช้า-เย็น ประมาณ 3-5 วัน สิวตรงนั้นหายไปจากหน้าเลยอะ แต่ไปขึ้นที่อื่นต่อ ฮ่าๆๆๆ ยังไงวะเนี่ย อย่างช้าสุดก็ 1 สัปดาห์ มันยุบไปเลย บางอันพอบีบก็มีหัวสิวออกมา แต่เขาบ