Skip to main content

ขอวีซ่าไต้หวัน ง่ายนิดเดียว (เหรอ)

     จะไปเที่ยวไต้หวัน ถ้ามีแต่ตั๋วเครื่องบิน เดี๋ยวเขาไม่ให้เข้าประเทศ เธอต้องทำวีซ่าด้วยนะ!!!
   
ทำวีซ่า
1. กรอกแบบฟอร์มขอวีซ่า และพิมพ์ออกมาเซ็นต์ชื่อ แปะรูปถ่าย
2. ถ่ายรูป ขนาด 2นิ้ว ใช้แค่ 2 รูปนะ คือเราไปถ่าย 2*2 มาต้องตัดออกเยอะเลย แล้วร้านดันซูมหน้าอีก เต็มเฟรมเลยจ้า แทบไม่เห็นคอ เลยบอกเพื่อนที่ไปด้วยกันว่า ถ่ายรูป 2 นิ้ว หรือถ้าเธอถ่าย 2*2 ก็บอกร้านนะว่าอย่าซูมหน้ามาก
3. เตรียมเอกสาร
    3.1 สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน
    3.2 หนังสือรับรองการทำงาน (ภาษาอังกฤษ)
    3.3 สำเนาเอกสาร/หลักฐานทางการเงิน พวกสมุดบัญชีเงินเดือน เงินฝากออมทรัพย์ กองทุน เราเอาไปหมดเลย เงินในบัญชีเงินเดือนเราเหลือพันกว่าบาทเอง วะฮะฮ่าๆๆๆๆ แต่เรามีเงินฝากอื่นๆ ก็ยื่นกันไป
    3.4 สำเนาตั๋วเครื่องบินไป-กลับ
    3.5 สำเนาเอกสารจองที่พัก
    3.6 เอกสารแพลนทริป
    3.7 Passport และสำเนา
     เอกสารที่เป็นสำเนาทุกอย่างอย่าลืมรับรองสำเนาถูกต้องด้วยนะ ซึ่งทั้งหมดนี่คือเอกสารที่เราเตรียมไปวันนั้น เราไปกับเพื่อนรวมตัวเองด้วยก็ 3 คน สำเนาตั๋ว ใบจองที่พัก แพลนเที่ยว เรายื่นด้วยกันชุดเดียว

      การเดินทางไปตึกเอ็มไพร์ ลงสถานีรถไฟฟ้าช่องนนทรีสะดวกมากๆ แต่ก่อนจะขึ้นลิฟท์ไปสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเปต้องแลกบัตรกันก่อน โดยยื่นบัตรประชาชน พร้อมแจ้งสถานที่ที่เราต้องการไป จากนั้นเค้าก็จะให้บัตรที่ใช้สแกนผ่านประตูเพื่อไปขึ้นลิฟท์และคืนบัตรประชาชนให้เรา

      พวกเราขึ้นไปที่ชั้น 20 ก็เวลาประมาณ 9.30น. รับบัตรคิวเบอร์เดียวกัน แล้วเข้าไปนั่งรอ วันนั้นเป็นวันศุกร์ คนเยอะมาก รอเกือบ 30 คิว ที่สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมฯ มีร้านถ่ายเอกสาร กาว ที่ตัดกระดาษพร้อม ใครลืมติดรูปไปก็ไม่ต้องกังวัล เขามีวางไว้ให้จ้า

     ระหว่างรอก็เห็นช่องยื่นวีซ่าแรงงาน โล่งๆ เคยอ่านรีวิวเขาบอกว่าคนมาขอวีซ่าแรงงานเยอะมาก
เราก็เอ๊ะ ไม่เห็นมีคนเลย ซักพักเดินมาเป็นแถวเลยจ้า แล้วหลายชุดหลายกลุ่มด้วยนะเธอ
      หลังจากยื่นเอกสารเรียบร้อยแล้วเจ้าหน้าที่จะออกกระดาษแผ่นสีเหลืองสำหรับรับวีซ่าให้เรา ในกระดาษแผ่นนั้นระบุเลขพาสปอร์ต ค่าทำวีซ่า พร้อมวันที่มารับเรียบร้อย

     ส่วนการรับวีซ่า เราไปทำวันศุกร์ ได้วีซ่าวันอังคาร ช่วงเวลาที่ให้ไปรับวีซ่าคือ 13.30 - 15.00 น.
เช่นกันเราไปถึงประมาณ 14:30น. รอเกือบ 30 คิวอีกแล้ว แต่รวดเร็วมาก พอรับมาเจ้าหน้าที่บอกว่าตรวจสอบชื่อนามสกุล วันเดือนปีเกิด อะไรให้เรียบร้อยนะ ถ้าหากมีปัญหาให้แจ้งที่เคาน์เตอร์ได้เลย
     สุดท้าย ตรวจของเพื่อนด้วย ได้กันมา 14 วัน ฮี่ๆๆๆๆ วีซ่าไต้หวันขอล่วงหน้าได้ประมาณ 3 เดือนนะถ้าเราจำไม่ผิด และมีอายุ 90 วันนับจากวันที่ได้รับวีซ่า ตัวอย่างเช่น ได้รับวีซ่าวันที่ 27 มกราคม ฉะนั้นวีซ่าจะหมดอายุวันที่ 27 เมษายน  เราก็จะต้องเดินทางภายในช่วงนี้แหละนาย เพราะถ้าเลยวันที่ 27 เมษายนไปแล้ววีซ่าหมดอายุ ก็เข้าไต้หวันไม่ได้ละเด้อ

     ในความรู้สึกของเราขอวีซ่าไต้หวันไม่ยาก แค่เตรียมเอกสารให้ครบตามที่เขาต้องการ แต่วุ่นวายตอนเตรียมเอกสารนี่แหละ รับรองสำเนาถูกต้องมือหงิกเลย
    เมื่อได้วีซ่าแล้วก็พร้อมเดินทาง แต่ตอนนี้ขอศึกษาเส้นทางท่องเที่ยวให้อุ่นใจว่าไม่พาเพื่อนไปหลงป่าแน่ๆ ก่อนนะ 555555

**** ปล. สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป เปิดให้บริการจันทร์ - ศุกร์ (เว้นวันหยุดราชการ ตรุษจีน และวันชาติ)
                 ยื่นขอวีซ่า   เวลา 9:00 - 11:30 น.
                 จ่ายวีซ่า      เวลา 13:30 - 15:00 น.

รายละเอียดอื่นๆ ศึกษาจากลิงค์นี้เลย 55555
http://www.taiwanembassy.org/public/Attachment/17717571971.pdf


Comments

Popular posts from this blog

ผงโรยข้าวจากไดโซะ

ก่อนอ่านบทความนี้ จงตั้งสติและอ่านข้อความ 4 บรรทัดล่างอย่างตั้งใจ "ลิ้นใคร ลิ้นมัน" "รสนิยมใคร ก็รสนิยมมัน" "กระเพาะใคร ไตใคร ก็ไม่เกี่ยวกัน" "ฉะนั้นเธอกับฉันไม่เหมือนกันนะเออ" มาถึงตรงนี้คุณอ่านหนังสือเกิน 7 บรรทัดสั้นๆ แล้วค่ะ ดิฉันมีความยินดียิ่งที่จะเล่าเรื่องราวนี้ โดโซะ!!!!! ไดโซะ คุณผู้หญิงเดินเข้าร้านร้อยเยน เช่น ไดโซะ คุณซื้ออะไร 1. ดิ่งไปที่ของกิน 2. พุ่งตัวไปหาเครื่องสำอาง 3. ดูพวกเครื่องประดับ ถุงมือ ถุงเท้า ถุงน่อง 4. ดูของใช้ เครื่องครัวเก๋ๆ 5. ส่องของคิขุน่ารัก สำหรับเรา หาขนมก่อน หาของที่คิดว่าเรากินได้  เสบียงยามตกยาก เมื่อเงินร่อยหรอ และเอากลับมาประเทศบ้านเกิดได้ โดยไม่หมดอายุทันทีที่ออกจากแผ่นดินญี่ปุ่น สิ่งที่ใครๆ ก็แนะนำให้ซื้อ อันนี้ก็ไม่รู้ว่าไปมันเชื่อมาจากไหน หรือมันแค่อยากลองกินเบนโตะแบบที่แม่บ้านญี่ปุ่นทำ และล่อลวงด้วยการลงรูปทุกเช้าในอินสตาแกรม today's breakfast today's lunch โอ้วววว แม่จ๋า น้ำลายไหล ซึ่งมันก็ดันทุรังไปติดตามเขา...

ว่าด้วยต่างหูหนีบ

ต่างหูหนีบมาอีกแล้ว ทำไงได้ก็คนมันเห่อนี่นะ      ด้วยความมุ่นมั่นที่จะทำต่างหูแบบหนีบให้เหมือนต่างหูแบบเจาะมากที่สุด ทำให้ต้องดั้นด้นค้นฟ้าคว้ากาวไกลถึงสำเพ็ง (ความจริงก็ไม่ไกลหรอกแค่ข้ามเจ้าพระยาไป แต่เราใช้คำให้มันเว่อร์เท่านั้นแหละ)      สำหรับต่างหูแบบห่วงเราไม่สนใจแล้ว เพราะแบบนี้มันเนียน มองเผินๆ เหมือนเราเจาะหูจริงๆ อันที่เราสนใจคือแบบตะปู ซึ่งมันดันมีสองแบบ คือมีห่วง และไม่มีห่วง (เพิ่งรู้ ตายๆๆๆ) หน้าตามันเป็นแบบนี้ ซ้ายมีห่วง สองอันขวาคือแบบไม่มีห่วง และมีหลายขนาดอีกเน้อ พอจะเห็นความแตกต่างมั้ย     แบบไม่มีห่วงนี่แหละที่เราเห็นว่ามันต้องทำอะไรอย่างอื่นได้อีก นอกจากห้อยลูกปัดธรรมดา ฉะนั้นลองเอากาวมาแปะจี้ แปะเพชรดีมั้ย แล้วจะใช้กาวอะไรดีล่ะ     แน่นอนว่าอากู๋รู้ทุกเรื่อง หลังจากค้นไปเรื่อยๆ ก็เจอกาว Epoxy ซึ่งมันสามารถยึดติดได้กับหลายพื้นผิว เช่น เหล็ก ไม้ แก้ว พลาสติก เลยตั้งใจไปสำเพ็งเพื่อซื้ออะไหล่ต่างหู และกาว epoxy (พ่อบอกว่ากาวนี้หาซื้อที่ร้านขายวัสดุก่อสร้าง แต่ไหนๆ ก็ไปสำเพ็งแล้ว รู้ชื่อร้านที่มีกาวขาย แถมรู้...

เดคูพาจ (Decoupage)

    ช่วงนี้กำลังเห่องานเดคูพาจ (บ้างก็เขียนว่าเดโคพาจ เดคโคพาจ นะ) เราเห็นคนอื่นทำ แล้วอยากลองทำบ้าง ไม่ได้ทำขายอะไรนะ ส่วนใหญ่ทำใช้เอง ทำให้เพื่อนบ้างบางโอกาส สนุกดี     ตอนที่สนใจเดคูพาจใหม่ๆ เราสั่งของผ่านทางเว็บไซต์ตลอดเลย โดยเฉพาะ Facebook มีให้เลือกหลายร้านมากๆ เพราะเราไม่สะดวกไปจตุจักร เนื่องจากไกลบ้าน และไม่คุ้มค่ารถ      วันหนึ่งมีโอกาสไปเดินสำเพ็ง-พาหุรัด ก็เจอร้านๆ นึง เราเคยซื้อของร้านนี้ตั้งแต่ขายเทียนเจล สีเพ้นท์แก้ว/กระจก ขวดโหล จนมาถึงวันนี้ที่ร้านนี้มีขายทั้งน้ำยา กาว กระดาษ ตะกร้า กระเป๋าสาน ล่าสุดที่ไปมีกระเป๋าสตางค์แบบยาว  และอื่นๆ อีกมากมาย น่ารักน่าสนใจล่อเงินในกระเป๋าอีกแล้ว     ฉะนั้น วันนี้เราขอนำเสนอ "ตะขอแขวนเข็มขัด" (เรียกแบบนี้แหละ ก็มันเป็นตะขอที่เราต้องการเอามาใช้แขวนเข็มขัดนี่)  สาเหตุที่เราต้องทำเพราะว่า แม่ของเราคลั่งไคล้เข็มขัดมาก เราไม่รู้นะชาวบ้านเขาเก็บเข็มขัดกันยังไง แต่บ้านเราม้วนๆ แล้ววางไว้ในตู้เสื้อผ้า หรือพาดไว้ที่ใดที่หนึ่ง(สำหรับเส้นที่ใช้บ่อย)       อยู่ไปจำนวนมันเพ...