Skip to main content

กระเป๋าสตางค์เดคูพาจ

   กลับมาอีกครั้งในช่วงวันหยุดยาวของวันแม่แห่งชาติปีนี้

   จั่วหัวไว้ขนาดนี้ แน่นอนว่าโพสต์นี้ต้องเกี่ยวกับกระเป๋าสตางค์เดคูพาจ เพราะชีวิตนี้ทำได้แค่ไม่กี่อย่างค่ะ บอกเลย ไม่มีหัวศิลป์ แต่งตัวได้ป้าและเชยมาก หน้าตาก็แต่งบ้าง ทาแป้งบ้าง กรีดอายไลน์เนอร์บ้าง แต่คิ้วต้องเขียนทุกครั้ง ปากซีดช่างมัน คิ้วสำคัญสุด คิดแบบนี้น่าโดนเพื่อนที่สอนแต่งหน้าดีดกระโหลก 5555

    สำหรับกระเป๋าสตางค์ใบนี้ทำไว้นานมาก และเอามาใช้จนกระดำกระด่างเรียบร้อยแล้ว (ไม่มีรูปมาโชว์นะ อายยยย)

อุปกรณ์
1. กระเป๋าสตางค์สีขาว
2. กาว สูตรที่ใช้สำหรับ PVC นะ
3. น้ำยาเคลือบ (varnish)
4. แปรง หรือพู่กัน
5. กรรไกร
6. คัตเตอร์
7. ฟองน้ำ
และสุดท้ายสำคัญมาก napkin

****วิธีทำ คำอธิบายตามใจฉัน ขั้นตอนถูกรึเปล่าก็ไม่รู้ ขออภัยจริงๆ แต่สำหรับตัวเองแล้วผลลัพธ์ออกมาน่าพอใจ นำไปใช้งานจนดำ ก็โอเคละ

    เอาละ อุปกรณ์พร้อมแล้วลงมือทำได้ อันดับแรกคือพยายามร่างแบบที่จะทำ เพราะอันนี้ใช้กระดาษ 2 ลาย คือลายจุดขาวแดง-แดงขาว กับอีกลายคือลายเม่น เรื่องลอกลายนี่งานถนัดนะคะ จากนั้นก็ลองวางกระดาษบนกระเป๋าดูว่าใช้ได้มั้ย เราพอใจรึเปล่า


จากนั้นทากาวโลด รอให้กาวแห้งแล้วค่อยแปะแนพกินโดยใช้ฟองน้ำชุบน้ำเปล่าค่อยๆแตะลงไป หรือจะแปะตอนที่กาวยังชุ่มอยู่ก็ได้ แล้วแต่ถนัด แต่ถ้าวางผิดแล้วเราลอกออกมา กระดาษเสียไปเลยนะเพราะเนื้อกระดาษบางมากๆ ในการแปะกระดาษควรเหลือขอบให้เลยตัวกระเป๋ามาหน่อยเน้อ

 ให้ดูด้านบนและก้นกระเป๋าชัดๆ เลย

แปะด้านหลังกระเป๋าเสร็จแล้ว มาลุยที่ด้านหน้าแปะลายน้องเม่นกับเห็ดกันต่อ ลองวางดูก่อนทากาว

   จากนั้นเอากระดาษสีขาวจุดแดงมาวางด้วย (เมื่อกี้ด้านหลังเราใช้สีแดงจุดขาวไปแล้ว) จนได้มุมที่พอใจก็ทากาว รอจนกาวแห้งแล้วค่อยๆ ใช้ฟองน้ำชุบน้ำหมาดๆ แปะลงไป

   ปรากฎว่าเกิดความผิดพลาดละจ้า ระลึกได้ว่ากระดาษสีแดงมันไม่ควรเลยมาแบบนี้นะ มันต้องเป็นเหมือนตารางซิ วิธีการคือใช้คัตเตอร์กรีดแล้วลอกออกเลยจ้า จากนั้นก็แปะกระดาษสีขาวจุดแดงแทน

    ทีนี้มาดูการเก็บขอบกระเป๋าบ้าง มุมกระเป๋าเราใช้กรรไกรตัดกระดาษเป็นแฉกๆ แล้วก็ทากาวลงไปที่ขอบกระเป๋า ค่อยๆเก็บกระดาษเข้าไปแบบในรูปนั่นแหละ ถ้าหากกระดาษเลยขอบกระเป๋ามากเกินไป ก็ตัดออกให้เลยมานิดนึงพอ เอาพอดีๆ นะจ๊ะ สุดท้ายคือเคลือบแวนิชประมาณ 3-4 รอบ (บางทีเราเคลือบ 5 รอบเลยนะ) เป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการ สามารถนำไปใช้ได้ เย่ๆๆๆ

จบ.....ด้วยความขี้เกียจ
สวัสดี

Comments

Popular posts from this blog

เดคูพาจ (Decoupage)

    ช่วงนี้กำลังเห่องานเดคูพาจ (บ้างก็เขียนว่าเดโคพาจ เดคโคพาจ นะ) เราเห็นคนอื่นทำ แล้วอยากลองทำบ้าง ไม่ได้ทำขายอะไรนะ ส่วนใหญ่ทำใช้เอง ทำให้เพื่อนบ้างบางโอกาส สนุกดี     ตอนที่สนใจเดคูพาจใหม่ๆ เราสั่งของผ่านทางเว็บไซต์ตลอดเลย โดยเฉพาะ Facebook มีให้เลือกหลายร้านมากๆ เพราะเราไม่สะดวกไปจตุจักร เนื่องจากไกลบ้าน และไม่คุ้มค่ารถ      วันหนึ่งมีโอกาสไปเดินสำเพ็ง-พาหุรัด ก็เจอร้านๆ นึง เราเคยซื้อของร้านนี้ตั้งแต่ขายเทียนเจล สีเพ้นท์แก้ว/กระจก ขวดโหล จนมาถึงวันนี้ที่ร้านนี้มีขายทั้งน้ำยา กาว กระดาษ ตะกร้า กระเป๋าสาน ล่าสุดที่ไปมีกระเป๋าสตางค์แบบยาว  และอื่นๆ อีกมากมาย น่ารักน่าสนใจล่อเงินในกระเป๋าอีกแล้ว     ฉะนั้น วันนี้เราขอนำเสนอ "ตะขอแขวนเข็มขัด" (เรียกแบบนี้แหละ ก็มันเป็นตะขอที่เราต้องการเอามาใช้แขวนเข็มขัดนี่)  สาเหตุที่เราต้องทำเพราะว่า แม่ของเราคลั่งไคล้เข็มขัดมาก เราไม่รู้นะชาวบ้านเขาเก็บเข็มขัดกันยังไง แต่บ้านเราม้วนๆ แล้ววางไว้ในตู้เสื้อผ้า หรือพาดไว้ที่ใดที่หนึ่ง(สำหรับเส้นที่ใช้บ่อย)       อยู่ไปจำนวนมันเพ...

ว่าด้วยต่างหูหนีบ

ต่างหูหนีบมาอีกแล้ว ทำไงได้ก็คนมันเห่อนี่นะ      ด้วยความมุ่นมั่นที่จะทำต่างหูแบบหนีบให้เหมือนต่างหูแบบเจาะมากที่สุด ทำให้ต้องดั้นด้นค้นฟ้าคว้ากาวไกลถึงสำเพ็ง (ความจริงก็ไม่ไกลหรอกแค่ข้ามเจ้าพระยาไป แต่เราใช้คำให้มันเว่อร์เท่านั้นแหละ)      สำหรับต่างหูแบบห่วงเราไม่สนใจแล้ว เพราะแบบนี้มันเนียน มองเผินๆ เหมือนเราเจาะหูจริงๆ อันที่เราสนใจคือแบบตะปู ซึ่งมันดันมีสองแบบ คือมีห่วง และไม่มีห่วง (เพิ่งรู้ ตายๆๆๆ) หน้าตามันเป็นแบบนี้ ซ้ายมีห่วง สองอันขวาคือแบบไม่มีห่วง และมีหลายขนาดอีกเน้อ พอจะเห็นความแตกต่างมั้ย     แบบไม่มีห่วงนี่แหละที่เราเห็นว่ามันต้องทำอะไรอย่างอื่นได้อีก นอกจากห้อยลูกปัดธรรมดา ฉะนั้นลองเอากาวมาแปะจี้ แปะเพชรดีมั้ย แล้วจะใช้กาวอะไรดีล่ะ     แน่นอนว่าอากู๋รู้ทุกเรื่อง หลังจากค้นไปเรื่อยๆ ก็เจอกาว Epoxy ซึ่งมันสามารถยึดติดได้กับหลายพื้นผิว เช่น เหล็ก ไม้ แก้ว พลาสติก เลยตั้งใจไปสำเพ็งเพื่อซื้ออะไหล่ต่างหู และกาว epoxy (พ่อบอกว่ากาวนี้หาซื้อที่ร้านขายวัสดุก่อสร้าง แต่ไหนๆ ก็ไปสำเพ็งแล้ว รู้ชื่อร้านที่มีกาวขาย แถมรู้...

ผงโรยข้าวจากไดโซะ

ก่อนอ่านบทความนี้ จงตั้งสติและอ่านข้อความ 4 บรรทัดล่างอย่างตั้งใจ "ลิ้นใคร ลิ้นมัน" "รสนิยมใคร ก็รสนิยมมัน" "กระเพาะใคร ไตใคร ก็ไม่เกี่ยวกัน" "ฉะนั้นเธอกับฉันไม่เหมือนกันนะเออ" มาถึงตรงนี้คุณอ่านหนังสือเกิน 7 บรรทัดสั้นๆ แล้วค่ะ ดิฉันมีความยินดียิ่งที่จะเล่าเรื่องราวนี้ โดโซะ!!!!! ไดโซะ คุณผู้หญิงเดินเข้าร้านร้อยเยน เช่น ไดโซะ คุณซื้ออะไร 1. ดิ่งไปที่ของกิน 2. พุ่งตัวไปหาเครื่องสำอาง 3. ดูพวกเครื่องประดับ ถุงมือ ถุงเท้า ถุงน่อง 4. ดูของใช้ เครื่องครัวเก๋ๆ 5. ส่องของคิขุน่ารัก สำหรับเรา หาขนมก่อน หาของที่คิดว่าเรากินได้  เสบียงยามตกยาก เมื่อเงินร่อยหรอ และเอากลับมาประเทศบ้านเกิดได้ โดยไม่หมดอายุทันทีที่ออกจากแผ่นดินญี่ปุ่น สิ่งที่ใครๆ ก็แนะนำให้ซื้อ อันนี้ก็ไม่รู้ว่าไปมันเชื่อมาจากไหน หรือมันแค่อยากลองกินเบนโตะแบบที่แม่บ้านญี่ปุ่นทำ และล่อลวงด้วยการลงรูปทุกเช้าในอินสตาแกรม today's breakfast today's lunch โอ้วววว แม่จ๋า น้ำลายไหล ซึ่งมันก็ดันทุรังไปติดตามเขา...