ห่างหายไปจากบล็อกนานมากๆ ครั้งสุดท้ายที่เขียนคือ 3 พฤศจิกายน 2555
วันนี้ก็ 3 พฤษภาคม 2557 แล้วเนอะ
เดคูพาจชิ้นสุดท้ายก็กระเป๋าสตางค์ลายญี่ปุ่นมั้ง ตั้งใจว่าจะทำให้เสร็จทันเดือนกุมภาพันธ์ ปรากฏว่าเคลือบแวนิชไปได้เพียงสองรอบก็หยุดทำซะงั้น
และตอนนี้มีของเล่นใหม่แล้ว กำลังเห่อ แม้จะใส่บ้าง ลืมบ้างก็เถอะ
เรื่องมันมีอยู่ว่าไปค้นคำว่าต่างหูหนีบจากอากู๋ เจอรีวิวบ้าง ร้านขายต่างหูหนีบบ้าง ซึ่งมันสวย และเยี่ยมมากสำหรับคนที่ไม่ได้เจาะหู แต่อยากจะใส่ต่างหูบ้าง
จากนั้นก็หาในเน็ตว่ามีที่ไหนขายอะไหล่ต่างหูหนีบ เพราะเราจะเอามาประกอบเอง แน่นอนว่าคำตอบคือสำเพ็ง เสียค่าใช้จ่ายไปทั้งหมดเท่าไหร่ไม่ได้คิด (แย่มาก) เพราะมันไปมาสองสามรอบได้ ฮ่าๆๆๆ
จบ......ด้วยความขี้เกียจ 55
วันนี้ก็ 3 พฤษภาคม 2557 แล้วเนอะ
เดคูพาจชิ้นสุดท้ายก็กระเป๋าสตางค์ลายญี่ปุ่นมั้ง ตั้งใจว่าจะทำให้เสร็จทันเดือนกุมภาพันธ์ ปรากฏว่าเคลือบแวนิชไปได้เพียงสองรอบก็หยุดทำซะงั้น
และตอนนี้มีของเล่นใหม่แล้ว กำลังเห่อ แม้จะใส่บ้าง ลืมบ้างก็เถอะ
เรื่องมันมีอยู่ว่าไปค้นคำว่าต่างหูหนีบจากอากู๋ เจอรีวิวบ้าง ร้านขายต่างหูหนีบบ้าง ซึ่งมันสวย และเยี่ยมมากสำหรับคนที่ไม่ได้เจาะหู แต่อยากจะใส่ต่างหูบ้าง
จากนั้นก็หาในเน็ตว่ามีที่ไหนขายอะไหล่ต่างหูหนีบ เพราะเราจะเอามาประกอบเอง แน่นอนว่าคำตอบคือสำเพ็ง เสียค่าใช้จ่ายไปทั้งหมดเท่าไหร่ไม่ได้คิด (แย่มาก) เพราะมันไปมาสองสามรอบได้ ฮ่าๆๆๆ
แบบที่ 1 ชอบแบบนี้ที่สุด แบบห่วง ใส่แล้วเหมือนเจาะหูจริงๆ เนียนมากๆ
แต่ข้อเสียคือมันห้อยอะไรที่มีน้ำหนักมากไม่ได้ ใส่ๆไปจะหล่นหาย เสียดายเปล่า (เราว่ามันแพงนะเทียบกับแบบอื่น) บางทีหนีบแล้วหูเป็นรอยบ้าง แต่ใส่แบบนี้บ่อยที่สุดแล้ว
แบบที่ 2 ต่างหูหนีบแบบตะปู เราสามารถหมุนตัวตะปูได้ ลักษณะเหมือนน็อต อยากให้แน่น หนีบแล้วเจ็บหู หรือแน่นพอประมาณ ใส่ได้ทั้งวันไม่เจ็บหู ก็ขึ้นอยู่กับการหมุนน็อตของเรา แบบนี้ซื้อมาครั้งที่สองของการไปหาอะไหล่ต่างหู ณ สำเพ็ง หลังจากพบว่าอะไหล่แบบที่ 3 หนีบแล้วเจ็บค่อดๆ หูแดง เป็นรอย เศร้าใจ อยากสวยต้องอดทนซินะ
แบบที่ 3 เกลียดสุด มันก็ใส่ได้อยู่นะ แต่ต้องถอดออกบ้าง ไม่งั้นจะปวดติ่งหูมาก หรือเป็นเพราะน้ำหนักหว่า
จบ......ด้วยความขี้เกียจ 55
Comments
Post a Comment