Skip to main content

Eyeliner

เกริ่นเล็กน้อย เราเริ่มเขียนอายไลเนอร์ตอนเรียนมหาวิทยาลัยประมาณปลายปี 1 ขึ้นปี 2 ตอนนั้นเขียนได้ห่วยแตกมาก ปัจจุบันก็ยังห่วย แต่บางวันก็สวยเกินคาด ฮ่าๆๆ

ตอนจบปี 1 พ่อแม่ไปรับกลับบ้าน (ปี 1 เราต้องอยู่หอ พอปี 2 ได้กลับเข้าเมืองกรุง) มีโอกาสแวะเดินห้างไม่รู้คิดยังไงอยากได้อายไลเนอร์ ในร้านมันก็มีหลายแบบนะ ทั้งหัวแบบปากกาเมจิก แบบดินสอ และแบบพู่กัน ไอ้เราก็เลือกไม่ถูก เคยใช้ดินสอแขกแล้วแพนด้ามาก เลยตัดแบบดินสอออกไป มาดูเจ้าเมจิก คิดว่าจะเขียนง่ายเลยซื้อมา ปรากฏว่า มันเขียนไม่ออก ลากเส้นได้ไม่กี่ครั้ง เขียนไม่ออกซะแล้ว ความเข้มความดำไม่ต้องพูดถึง ไม่ดำเลย ไม่ได้ใจฉันอย่างแรง

สุดท้าย ตัดสินใจซื้อแบบพู่กันของ In2it สำหรับเรามันเยี่ยมมาก ไม่แพนด้าเลย


แต่ช้าก่อน เนื้ออายไลเนอร์แห้งช้ามากๆ ต้องเอาหน้าไปเป่าพัดลม ปัจจุบันนี้ใช้วิธีจุ่มแล้วปาดเอา เหมือนกำลังจะทาเล็บ แล้วก็บรรจงเขียนลงบนขอบตา แรกเริ่มใช้สีดำ ต่อมาพัฒนาขึ้นซื้อสีน้ำตาล เพราะสีดำกรีดแล้วตาดุ พอมีรุ่นกิ๊บซี่ ที่มีสีเขียว น้ำเงิน ฯลฯ อะไรออกมา เราก็ซื้อมาสีนึง สีเขียว แต่ไม่ค่อยได้ใช้ เพราะขี้เกียจ (ไม่มีรูปนะฮะ มันนานมาก จนฉันคงทิ้งมันไปแล้วหละ ถึงได้หาไม่เจอ)

ชีวิตมหาลัย ในวันที่ไปเรียน เราไม่ค่อยได้แต่งหน้า เพราะต้องรีบออกจากบ้าน เดี๋ยวเข้าเรียนไม่ทัน ความคิดตอนนั้นคือ พักผ่อนมากๆ นอนให้พอ จะได้ไม่หลับในชั่วโมงเรียน เอาเข้าจริงๆ งานเยอะมาก กว่าจะได้นอนก็เกือบเที่ยงคืน

จากนั้นมีโอกาสได้ลองอายไลเนอร์แบบเค้ก (Cake eyeliner) มันน่าจะเรียกแบบนี้นะ ฉันก็ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ ที่พิมพ์ไปก็แค่อยากเล่าเท่านั้นเอง

เอาละ ลักษณะของเค้ก อายไลเนอร์ นี้จะคล้ายอายแชโดว์คือเป็นอายไลเนอร์อัดแข็ง วิธีใช้ของเราคือ เอาพู่กันจุ่มน้ำ เหมือนใช้สีน้ำที่มันอัดเป็นก้อนวงกลมๆ น่ะ แล้วก็วาดลงบนขอบตา แต่สีจางมาก ไม่ชัดเลย เขียนได้ไม่นานเส้นก็เลือน ส่วนพู่กันที่เราใช้ก็พู่กันระบายสีมาสเตอร์อาร์ตนั่นแหละ เบอร์ 0 1 2 มีหมด วันดีคืนดีก็เอาไประบายสีเล่น ว้ายย!! (อายไลเนอร์แบบนี้ เราไม่มีีตัวอย่างนะ เพราะทิ้งไปแล้ว พอมันหมดอายุเราก็ทิ้งน่ะ)

ต่อมาเริ่มอยากใช้อายไลเนอร์แบบเจล ก็ซื้อของมิสทีน (Mistine) กับเมย์เบลลีน (Maybelline) มาลอง เราชอบพู่กันของเมย์เบลลีนนะ แลจะวาดง่าย แต่เส้นไลเนอร์ที่ได้จะค่อนข้างใหญ่ ซึ่งส่วนตัวเราชอบเขียนเส้นเล็กๆ เลยไม่ค่อยได้ใช้เจลไลเนอร์ สุดท้ายมันเลยแห้งไปตามระเบียบ เสียดายของมาก

เมื่อไม่นานมานี้ เราได้รู้จักอายไลเนอร์ยอดฮิตอีกยี่ห้อ นั่นคือ Lifeford เรื่องราคาจำไม่ได้หรอก แต่เราปลื้มมากๆ ส่วนตัวคิดว่ามันเขียนง่าย จะลากเส้นไปทางไหนก็ควบคุมได้ง่ายกว่าแบบน้ำ(พู่กัน) มันก็แน่หละ เพราะหัวอายไลเนอร์ของ lifeford จะคล้ายๆ ปากกาเมจิก (เรียกยังไงดี ดูรูปเหอะ) หัวแหลม ให้เส้นเล็ก สีดำเข้มถูกใจเรา แต่เขียนไปเขียนมาบางครั้งเขียนไม่ออกก็มีนะ

ดูรูปให้เห็นกันชัดๆ (ชัดตรงไหนยะ) คือตรูแบก dslr ถ่ายด้วยมือน้อยๆ มือนึงจับอายไลเนอร์ อีกมือถือกล้องเลยเบลอๆ อย่างที่เห็นนี่แหละ ไม่ได้แก้ตัวนะ ฮ่าๆๆๆ

ปัจจุบัน เราไม่ได้ใช้ Lifeford แล้ว เพราะมันเขียนไม่ค่อยออก คงใกล้หมดแล้วมั้ง เลยต้องกลับไปหา In2it เพราะราคาถูกกว่า แต่ในอนาคตซื้ออีกแน่นอน เพราะชอบที่ lifeford ลากเส้นง่าย ตวัดหางง่ายมาก เส้นคมสวย ปลื้มมากจ้า

Comments

Popular posts from this blog

เดคูพาจ (Decoupage)

    ช่วงนี้กำลังเห่องานเดคูพาจ (บ้างก็เขียนว่าเดโคพาจ เดคโคพาจ นะ) เราเห็นคนอื่นทำ แล้วอยากลองทำบ้าง ไม่ได้ทำขายอะไรนะ ส่วนใหญ่ทำใช้เอง ทำให้เพื่อนบ้างบางโอกาส สนุกดี     ตอนที่สนใจเดคูพาจใหม่ๆ เราสั่งของผ่านทางเว็บไซต์ตลอดเลย โดยเฉพาะ Facebook มีให้เลือกหลายร้านมากๆ เพราะเราไม่สะดวกไปจตุจักร เนื่องจากไกลบ้าน และไม่คุ้มค่ารถ      วันหนึ่งมีโอกาสไปเดินสำเพ็ง-พาหุรัด ก็เจอร้านๆ นึง เราเคยซื้อของร้านนี้ตั้งแต่ขายเทียนเจล สีเพ้นท์แก้ว/กระจก ขวดโหล จนมาถึงวันนี้ที่ร้านนี้มีขายทั้งน้ำยา กาว กระดาษ ตะกร้า กระเป๋าสาน ล่าสุดที่ไปมีกระเป๋าสตางค์แบบยาว  และอื่นๆ อีกมากมาย น่ารักน่าสนใจล่อเงินในกระเป๋าอีกแล้ว     ฉะนั้น วันนี้เราขอนำเสนอ "ตะขอแขวนเข็มขัด" (เรียกแบบนี้แหละ ก็มันเป็นตะขอที่เราต้องการเอามาใช้แขวนเข็มขัดนี่)  สาเหตุที่เราต้องทำเพราะว่า แม่ของเราคลั่งไคล้เข็มขัดมาก เราไม่รู้นะชาวบ้านเขาเก็บเข็มขัดกันยังไง แต่บ้านเราม้วนๆ แล้ววางไว้ในตู้เสื้อผ้า หรือพาดไว้ที่ใดที่หนึ่ง(สำหรับเส้นที่ใช้บ่อย)       อยู่ไปจำนวนมันเพิ่มขึ้น พื้นที่ในการเก็บก็ใช้มากขึ้น จึงเป็นที่มาของการสรรห

ผงโรยข้าวจากไดโซะ

ก่อนอ่านบทความนี้ จงตั้งสติและอ่านข้อความ 4 บรรทัดล่างอย่างตั้งใจ "ลิ้นใคร ลิ้นมัน" "รสนิยมใคร ก็รสนิยมมัน" "กระเพาะใคร ไตใคร ก็ไม่เกี่ยวกัน" "ฉะนั้นเธอกับฉันไม่เหมือนกันนะเออ" มาถึงตรงนี้คุณอ่านหนังสือเกิน 7 บรรทัดสั้นๆ แล้วค่ะ ดิฉันมีความยินดียิ่งที่จะเล่าเรื่องราวนี้ โดโซะ!!!!! ไดโซะ คุณผู้หญิงเดินเข้าร้านร้อยเยน เช่น ไดโซะ คุณซื้ออะไร 1. ดิ่งไปที่ของกิน 2. พุ่งตัวไปหาเครื่องสำอาง 3. ดูพวกเครื่องประดับ ถุงมือ ถุงเท้า ถุงน่อง 4. ดูของใช้ เครื่องครัวเก๋ๆ 5. ส่องของคิขุน่ารัก สำหรับเรา หาขนมก่อน หาของที่คิดว่าเรากินได้  เสบียงยามตกยาก เมื่อเงินร่อยหรอ และเอากลับมาประเทศบ้านเกิดได้ โดยไม่หมดอายุทันทีที่ออกจากแผ่นดินญี่ปุ่น สิ่งที่ใครๆ ก็แนะนำให้ซื้อ อันนี้ก็ไม่รู้ว่าไปมันเชื่อมาจากไหน หรือมันแค่อยากลองกินเบนโตะแบบที่แม่บ้านญี่ปุ่นทำ และล่อลวงด้วยการลงรูปทุกเช้าในอินสตาแกรม today's breakfast today's lunch โอ้วววว แม่จ๋า น้ำลายไหล ซึ่งมันก็ดันทุรังไปติดตามเขา

Himalaya Herbals ใช้ดีมั้ย?

เปิดเรื่องด้วย Clarina anti-acne kit  แม้จะไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ตัวแรกที่รู้จัก  แต่ถ้าเป็นสิว นอกจาก neem face wash ก็อยากแนะนำอันนี้แหละ Clarina anti acne kit บอกกล่าวไว้นิดนึง "หนังหน้าเรา ผิวมัน แต่หน้าหนาวจะแห้งมาก มีสิวผด สิวหัวเปิด สิวเม็ดเล็กๆ มีหัวสิวสีขาวๆ ชอบบีบสิว  เวลาเห็นหัวสิวแล้วสะใจ ชอบแกะสิว  เอามือลูบหน้าเล่นๆ แล้วแกะเลย  มีหลุมสิว รอยแดง สิวเสี้ยนที่จมูก รูขุมขนกว้างมาก" ชุดรักษาสิว ประกอบด้วย 1. Face wash gel เราชอบกลิ่นมาก หอมชื่นใจ  ฟองนุ่มๆ ล้างน้ำเปล่าแล้วหน้าไม่แห้งตึง แต่นุ่ม รู้สึกสะอาด 2. Face mask มาส์กหน้าสีขาวข้น ทาแล้วรู้สึกเย็น บางครั้งแสบหน้าด้วย ทิ้งไว้ 10-15 นาทีล้างออก พอล้างหน้าแล้วรู้สึกใสมาก ผิวก็นุ่ม 3. Anti acne cream ครีมแต้มสิว เขาให้แต้มบริเวณที่เป็นสิว หรือถ้าลูบแล้วรู้สึกว่าตรงนี้สิวแน่ เราก็จะใช้ตัวนี้แต้ม เช้า-เย็น ประมาณ 3-5 วัน สิวตรงนั้นหายไปจากหน้าเลยอะ แต่ไปขึ้นที่อื่นต่อ ฮ่าๆๆๆ ยังไงวะเนี่ย อย่างช้าสุดก็ 1 สัปดาห์ มันยุบไปเลย บางอันพอบีบก็มีหัวสิวออกมา แต่เขาบ